Investing.com - หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงในวันนี้ โดยปรับลดลงเพิ่มไปอีกหลังเริ่มต้นปีได้ไม่ดีนัก เนื่องจากยังมีความสงสัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนล็อกกำไรมากขึ้น
ตลาดภูมิภาคได้รับผลกระทบจากวอลล์สตรีท โดยดัชนีหลักสหรัฐร่วงลงเป็นเซสชั่นที่สองติดต่อกันในวันพุธ เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นยังคงไม่แน่นอน โดยหุ้นสหรัฐฯ ก็มีการเทขายทำกำไรอย่างหนักเช่นกันหลังดีดตัวขึ้นอย่างมากตลอดเดือนธันวาคม
ในเอเชีย ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเป็นดัชนีที่ทำผลงานแย่ที่สุด โดยขาดทุน 1.2% ในการซื้อขายหลังวันหยุดยาวปีใหม่ ความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดญี่ปุ่นยังสั่นคลอนจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และก่อให้เกิดการหยุดชะงักเป็นวงกว้างในภาคกลางของญี่ปุ่น
ข้อมูล ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นยังคงหดตัวในเดือนธันวาคม
การขาดทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่วนใหญ่ยังส่งผลต่อ Nikkei อีกด้วย สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นส่วนใหญ่
หุ้นเทคโนโลยีในเอเชียปรับตัวลงอีก หลังความไม่แน่นอนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงมีอยู่
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่วนใหญ่ยังคงขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากตลาดกลับมาเดิมพันอีกครั้งถึงช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ KOSPI ของเกาหลีใต้ปรับลง 0.9% ขณะที่ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงขยับลง 0.4%
รายงานการประชุมเดือนธันวาคมของเฟด แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยอมรับถึงความคืบหน้าเรื่องภาวะเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมา แต่รายงานการประชุมได้ให้สัญญาณเพียงเล็กน้อยถึงช่วงเวลาที่ธนาคารจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่ส่งสัญญาณไว้ระหว่างการประชุม
รายงานการประชุมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายการเงินนั้นมีความเข้มงวดเกินไปหรือไม่
แม้ว่าเฟดจะได้รับความคาดหวังว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 75 จุดในปี 2024 แต่ตลาดยังคงไม่มีความมั่นใจเรื่องช่วงเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดการเทขายทำกำไรจำนวนมากในหุ้นเทคโนโลยี ที่ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเดือนธันวาคมจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังคงรอการเปิดเผยข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่จะมีการเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดนโยบายการเงิน
หุ้นเอเชียโดยรวมยังคงขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก โดย ASX 200 ของออสเตรเลียปรับลง 0.3% และขยับห่างจากระดับสูงสุดในรอบสองเดือนครึ่งที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ จากข้อมูล PMI แสดงให้เห็นว่า ภาคการบริการ ของออสเตรเลียยังคงหดตัวตลอดเดือนธันวาคม
ดัชนีอินเดียฟิวเจอร์ส Nifty 50 มีแนวโน้มเปิดตลาดแบบขาลง โดยดัชนีดังกล่าวคาดว่าจะมีการเทขายทำกำไรที่มากขึ้น หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม ข้อมูล PMI เมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมภาคการผลิตของอินเดีย ขยายตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนธันวาคม
หุ้นจีนยังคงตามหลังหุ้นอื่น ๆ เนื่องจากผลสำรวจเชิงบวกในภาคบริการจากเอกชนแทบไม่ได้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในประเทศเลย ดัชนีบลูชิป CSI 300 ปรับลง 1.1% และยังคงอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบห้าปี ขณะที่ดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ปรับลง 0.7%
ข้อมูล ดัชนี PMI ภาคการบริการจาก Caixin แสดงให้เห็นว่าภาคการบริการของจีนขยายตัวเกินคาดในเดือนธันวาคม
แต่รายงานยังคงแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในจีนยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กิจกรรมภาคการผลิตซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่กว่าภาคการบริการในเศรษฐกิจ ยังคงล่าช้าตลอดเดือนธันวาคม
ข้อมูล PMI อย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่ารายงานของ Caixin อยู่มาก