โดย Ambar Warrick
Investing.com -- ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ได้ผ่อนคลายลง ขณะที่การเดิมพันได้เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะผ่อนคลายนโญบายการเงินที่เข้มงวดลงก็ได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นเช่นกัน
ตลาดในภูมิภาคได้รับสัญญาณเชิงบวกจากการฟื้นตัวในชั่วข้ามคืนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังจากตัวเลข อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภค ในเดือนกุมภาพันธ์เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ข้อมูลดังกล่าวประกอบกับแรงกดดันล่าสุดต่อภาคการธนาคาร กระตุ้นให้เกิดการเดิมพันว่าเฟดจะมีพื้นที่จำกัดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นภาคเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้นมากที่สุด โดย ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง และ KOSPI ของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในวันพุธ ทั้งสองยังเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อต้นสัปดาห์นี้
ดัชนี CSI 300 และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนบวกขึ้น 0.4% และ 0.7% ตามลำดับ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจแบบผสมแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวในประเทศกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะอยู่ในจังหวะที่ทุลักทุเลไปบ้าง
การผลิตภาคอุตสาหกรรม ของจีนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ ดัชนียอดค้าปลีก และ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ดีดกลับจากยุคโรคระบาดที่ตกต่ำอย่างมาก ตัวเลขดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการมองโลกในแง่ดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย หลังจากที่ได้ปรับลดมาตรการต่อต้านโควิดส่วนใหญ่เมื่อต้นปีนี้
ดัชนี Nifty 50 และ BSE Sensex 30 ของอินเดียเพิ่มขึ้นประมาณ 0.6% ในแต่ละดัชนี เนื่องจากค่า อัตราเงินเฟ้อค้าส่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ที่อ่อนค่ากว่าที่คาดได้กระตุ้นการมองโลกในแง่ดีและได้ผ่อนคลายแรงกดดันด้านราคาในประเทศ
ตลาดในเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายลง หลังจากที่รัฐบาลเข้าแทรกแซงในภาคส่วนเพื่อปกป้องผู้ฝากเงินหลังจากการล่มสลายของ Silicon Valley Bank (NASDAQ:SIVB) และธนาคารระดับภูมิภาคอีก 2 แห่ง
ดัชนีนิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.2% เนื่องจากหุ้นธนาคารรายใหญ่ฟื้นตัว ขณะที่ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.7% จากการฟื้นตัวของธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่งของประเทศ หุ้นบริษัทเหมืองของออสเตรเลียยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ดัชนีSET ของไทยขึ้นนำกำไรทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการเด้งกลับ 2.2%
ตลาดกำลังเดิมพันว่าแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อผู้ให้กู้ประกอบกับสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมผ่อนคลายลงในเดือนกุมภาพันธ์ จะกระตุ้นให้เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่น้อยลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เทรดเดอร์ยังคง ตั้งตำแหน่งไว้ที่การปรับขึ้นที่ 25 จุดพื้นฐาน ในสัปดาห์หน้า เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ยังแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคายังคงค่อนข้างสูงในประเทศ
คาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะจำกัดการทำกำไรของหุ้นเอเชียในปีนี้ เนื่องจากเงินทุนที่จะไหลเวียนไปยังภูมิภาคได้ลดน้อยลง