โดย Ambar Warrick
Investing.com -- ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงในวันจันทร์ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและท่าที hawkish ของธนาคารกลาง ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับรายงานที่เป็นเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจจีนที่ใกล้จะเปิดเผยก็ส่งผลกระทบเช่นกัน
ดัชนี CSI 300 และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนลดลงอย่างละ 0.2% โดยตลาดพุ่งความสนใจไปที่การอ่านค่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนที่เป็นดัชนีผสม ที่รายงานจะเปิดเผยในวันพุธ ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าจะแสดงการฟื้นตัวแบบผสมผสานในกิจกรรมทางธุรกิจของจีน โดยที่ ภาคการผลิต จะยังคงหดตัวในเดือนกุมภาพันธ์
หุ้นจีนพลิกกลับเป็นขาขึ้นในช่วงต้นปี 2023 เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับกลาง ๆ แสดงให้เห็นภาพรวมของการฟื้นตัว แม้ว่าจีนจะผ่อนคลายข้อจำกัดส่วนใหญ่ในการต่อต้านโควิดเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งการฟื้นตัวของจีนจะเป็นลางดีสำหรับประเทศคู่ค้าในเอเชีย แต่ความไม่แน่นอนในช่วงเวลาของการฟื้นตัวดังกล่าวได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดของวัน โดยตลาด หุ้นฟิลิปปินส์ นำการขาดทุนในภูมิภาคโดยลดลง 1.7% ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียทรุดตัวลงมากกว่า 1% จากการขาดทุนของบริษัทขุดเหมืองรายใหญ่อยา่ง BHP Group Ltd (ASX:BHP) และ Rio Tinto Ltd (ASX:RIO)
ตลาดหุ้นที่มีเทคโนโลยีขนาดใหญ่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยดัชนี Taiwan Weighted และดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ร่วง 0.7% และ 1.2% ตามลำดับ ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงร่วงลง 0.3%
ตลาดเอเชียในวงกว้างต่างถอยกลับเนื่องจากข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดต้องการ เติบโตมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนมกราคม การอ่านนี้ทำให้เฟดมีช่องว่างมากขึ้นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และสนับสนุนแนวโน้มขาลงในตลาดเอเชีย
จากปัจจัยที่กล่าวมานั้นได้ผลักดันให้ค่าเงิน ดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการดึงกระแสเงินทุนออกจากหุ้นเอเชียและเข้าสู่การเดิมพันที่ค่อนข้างปลอดภัย อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ บั่นทอนผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นจากตลาดเอเชีย และยังจำกัดปริมาณเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในภูมิภาค
ธนาคารกลางในภูมิภาคยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเพื่อให้ทันกับเฟด ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพสภาพคล่อง
ดัชนี Nifty 50 และ BSE Sensex 30 ของอินเดียร่วงลงประมาณ 0.8% โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่และหุ้นอุตสาหกรรมร่วงลงมากที่สุด หุ้นของบริษัท Adani Enterprises Ltd (NS:ADEL) ร่วงลงมากกว่า 5% หลังจากมีรายงานระบุว่าบริษัทกำลังเจรจาเพื่อก่อหนี้สูงถึง 400 ล้านดอลลาร์ แม้ในขณะที่รายงานของผู้ขายชอร์ตเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานะหนี้ที่ยืดเยื้อของบริษัท