เกาหลีเหนือก็ไม่น้อยหน้าเผยแพร่ภาพชุดเหตุการณ์ขณะฝ่ายเกาหลีเหนือระเบิดทำลายทิ้งอาคารสำนักงานประสานงานร่วมสองเกาหลี ที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมแกซอง ประเทศเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมาสร้างความขัดแย้งระหว่างสองชาติมากขึ้นและเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งไม่ใช่สิ่งที่โลกหรือตลาดลงทุนต้องการเลยในเวลานี้ อย่างไรก็ตามการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเมื่อวานแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังไม่ได้มองเรื่องระหว่างจีนกับอินเดียและเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เป็นประเด็นใหญ่ ความสนใจจึงกลับมาอยู่ที่ความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 อีกครั้ง
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนายังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลกอยู่ตลอดแต่นักลงทุนก็ยังไม่หมดความหวัง ล่าสุดมีรายงานว่ายาเดกซาเมทาโซนหรือยาสเตียรอยด์สามารถใช้เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตด้วยโควิด-19 อย่างรุนแรงในคนไข้ได้ นักวิเคราะห์ของ Investing.com ได้เขียนไว้ในบทความของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่อัตราการเสียชีวิตก็ลดลงมากแล้วเพราะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทั่วโลกเริ่มที่จะหาวิธีรักษาโควิดและสามารถจัดการกับโรคได้ทันเวลา ตลาดลงทุนอาจเริ่มได้รับสัญญาณว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวการมีอยู่ของข่าวโควิด-19 อีกต่อไปแม้ว่าจะยังไม่พบวัคซีนที่สามารถใช้ได้จริงในตอนนี้เพราะมนุษยชาติเริ่มจัดการและปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิดได้แล้ว”
ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาถือว่าน่าผิดหวังเล็กน้อย รายงานตัวเลขที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างกับจำนวนการอนุญาตก่อสร้างในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่สูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางนายเจอโรม พาวเวลล์ได้ออกมาเตือนถึงปัจจัยความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความจำเป็นที่สภาอาจจะต้องอนุมัติเงินเยียวยาตลาดอีกครั้ง ประธานเฟดมีน้ำเสียงที่แสดงความกังวลนี้อยู่ตลอดการแถลงการณ์เมื่อวันพุธแต่ เพราะตัวเลขยอดค้าปลีกของเดือนที่แล้วออกมาดีดังนั้นกราฟ USD/JPY จึงยังสามารถขึ้นไปหาแนวต้านได้อยู่ นอกจากนี้หากข้อมูลผลสำรวจจากเอ็มไพร์ สเตตและธนาคารกลางฟิลาเดเฟียออกมาดีกว่าที่คาด การอ่อนมูลค่าลงของสกุลดอลลาร์จะชะลอตัวลง
อัตราการเติบโตของราคาผู้บริโภครายปีก็ชะลอตัวลงด้วยเช่นกันเมื่อข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือนไม่สามารถทำตัวเลขที่ดีขึ้นได้ ดังนั้นอย่างน้อยที่สุดที่ตลาดหวังไว้กับการประกาศนโยบายการเงินจาก BoE คือขอให้มีการอัดฉีดเงินเพื่อซื้อตราสารหนี้ 100,000 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้จริงๆ อาจจะอยู่ที่ 200,000 - 250,000 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ BoE ยังเปิดกว้างทางความคิดมากขึ้นหากจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยลงไปเป็นลบจริงๆ หากว่าการดำเนินการนั้นสามารถทำให้ความสามารถในการซื้อตราสารหนี้เพิ่มขึ้น แต่สำหรับสกุลเงินกราฟ GBP/USD จะร่วงลงต่ำกว่า 1.25 อย่างรวดเร็วและรุนแรง ถ้า BoE ประกาศว่าจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่า 0% และจะเพิ่มวงเงิน QE เพียง 100,000 ล้านปอนด์ กราฟ GBP/USD จะปรับตัวสูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากผลการประชุมครั้งล่าสุดของ BoE ครั้งนี้เรามองว่าทางแบงก์ชาติอาจมีการดำเนินการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม
กราฟคู่สกุลเงินออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์ยังทรงตัวอยู่ในขาขึ้นเพื่อรอข่าวแต่สถานการณ์ของทั้งสองประเทศก็ไม่ต่างจากประเทศอื่นที่ตัวเลข GDP ในไตรมาสจะต้องหดตัว อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของนิวซีแลนด์อาจจะดีกว่าในระดับหนึ่งเพราะนิวซีแลนด์สามารถจัดการกับโควิด-19 ได้เร็วและเด็ดขาดกว่าประเทศอื่นๆ ดังนั้นนักลงทุนจะไม่สนใจข้อมูลไตรมาสแรกของนิวซีแลนด์นัก ส่วนออสเตรเลียคาดว่าอัตราการว่างงานจะคงที่แต่จะดีเท่าที่นักเศรษฐศาสตร์หวังไว้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สุดท้ายการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) คาดว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนักเพราะสถานการณ์โควิด-19 ในทวีปยุโรปคลี่คลายลงมากแล้ว