2 nd Wave กระตุ้นให้ต้องปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์
สหรัฐฯและจีนจะพบผู้ตดิเชื้อ COVID-19 เร่งขึ้นในบางเมือง ขณะที่บราซิลและอนิเดียยังเร่ง ตัวขึ้นทำให้ประเดน็ 2 nd Wave กลับมาสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ลงทุนอีกครั้ง แต่ถ้าถอย มามองภาพกว้างจะพบว่า จำนวนผู้ตดิเชื่อทั่วโลกยังอยู่ในแนวโน้มที่มีค่าความชันทรงตัว และจีนเคยมีการกลับมาระบาดรอบ 2 ในอู่ฮั่น ซึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์ได้รวดเร็ว ตลาดหุ้นจีน Underperform ภูมภิาคเพียง 3 วันทำการ เมื่อผนวกกับระบบสาธารณสุขไทยที่แข็งแกร่ง และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ เราคาดผลกระทบต่อ SET INDEX ( กดดูกราฟ ) จะจำกัดกว่าภูมิภาค หุ้นกลุ่ม D&D เช่น CPALL/ ADVANC/ BEM/ BCH/ AMATA ผนวกกับกลุ่ม ที่เชื่อมโยงจีน NER/ IVL/ CBG/ TKN ถ้ามีการพักฐาน เรามองเป็นโอกาสซื้อ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยกำลังเปิดกจิกรรมเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการตดิเชื้อมากขึ้น หากมีการระบาดรอบ 2 เราแนะนำให้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงต่ำ กว่า 50% และ เลือกลงทุนเฉพาะสื่อสารโรงไฟฟ้า ค้าปลีก กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น
ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯและจีน สร้างความผันผวนต่อสินทรัพย์ลงทุน
ผู้ตดิเชื้อใหม่ในหลายประเทศยังเร่งตัวขึ้น สหรัฐฯ บราซิล รัสเซีย แม้ไม่ทำสถติสิูงสุดใหม่แต่ ยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่อินเดียใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ 12,375 คน/วัน ส่วนบางเมืองใน สหรัฐฯ เช่น แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเท็กซัส เร่งตัวขึ้นเกิน 2 พันคน/วันอีกครั้ง นอกจากนี้ จีนยังพบการติดเชื้อ 57 รายเมื่อ 13 มิ.ย. 63 แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 38 ราย และมี 36 รายที่อยู่ในปักกิ่ง ส่วนอีก 19 รายเดินทางมาจากต่างประเทศ ข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ถึงโอกาสเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกสัปดาห์ที่ ผ่านมาทรุดตัวเฉลี่ย -4% โดยตลาดที่ร่วงหนักคือ สหรัฐฯ -6% ยุโรป -7% ส่วนเอเชีย -3%
ก่อนจะไปรอบ 2 แท้จริงแล้วรอบแรกอาจยังไม่จบ
ถ้ามองในภาพกว้าง ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นโดยไปทำสถติสิูงสุดใหม่ 1.4 แสนคน/วัน เมื่อ 12 มิ.ย. 63 จากการเร่งตัวของอเมริกาใต้ โดยเฉพาะบราซิล (ติดเชื้อสะสม 8.5 แสนราย เป็นอันดับ 2 ของโลก) และอินเดีย (ติดเชื้อสะสม 3.2 แสนราย เป็น อันดับ 4 ของโลก ส่วน 3 เมืองในสหรัฐฯที่ยอดพุ่งขึ้น ถ้าองิสถติจิะพบว่ายอดผู้ตดิเชื้อรายวัน ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงก่อนหน้า โดยเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นมาตั้งแต่ เม.ย. 63 มีเพียงฟลอริดาที่เร่งขึ้นจากภาวะทรงตัว เพราะฉะนั้น แม้ตลาดจะกังวลไปถึงการระบาดรอบ 2 เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าพิจารณาจากกราฟผู้ตดิเชือ้ท่วัโลกที่ค่า ความชันยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เราประเมินว่าสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันอาจทำให้สินทรัพย์เสี่ยงมีจังหวะพักฐานบ้าง แต่ไม่ถึงกับกดดันให้ทรุดตัวรุนเรง
แรงกดดันต่อ SET INDEX มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศ
หากอิงจากจีนและเกาหลีใต้ที่เปิดกิจกรรมเศรษฐกิจและพบการติดเชื้อรอบ 2 ก่อนประเทศอื่น โดยจีนพบที่อู่ฮั่นช่วงปลาย เม.ย. 63 ส่วนเกาหลีใต้พบที่อิแทวอนช่วงกลาง พ.ค. 63 พบว่า เมื่อจำนวนผู้ตดิเช่ือใหม่เร่งตัวขึ้น ตลาดหุ้นทั้ง 2 ประเทศจะเคลื่อนไหว Underperform ภูมิภาคเพียง 3-5 วัน แล้วกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะฉะนั้น ในส่วนของไทยที่ควบคุม สถานการณ์ได้ดี SET INDEX ควรจะเคล่ือนไหวดีกว่าภูมิภาค อย่างไรก็ตาม เราประเมินความเป็นไปได้ไว้ 3 กรณี
(1) ดีที่สุด ไม่มีการระบาดรอบ 2 ในไทย คาด SET INDEX เคลื่อนไหวดีกว่าภูมิภาค แกว่ง ในกรอบ 1,350-1,450 จุด
(2) ปานกลาง มีการระบาดรอบ 2 ในไทย แต่ไม่ถึง 20 คนต่อวัน คาด SET INDEX เคลื่อนไหวใกล้เคียงภูมิภาค แกว่งในกรอบ 1,300-1,400 จุด
(3) แย่ที่สุด มีการระบาดรอบ 2 ในไทย และเกิน 20 คนต่อวัน คาด SET INDEX ทรุดลง มาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,350 จุด
ปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสถานการณ์
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เกิดการแพรระบาดรอบ 2 ในไทย และภาครัฐฯมีแนวโน้ม กระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ การกลับมาแพร่ระบาดของจีนเราคาดว่า ไม่รุนแรงเพราะเคยจัดการได้แล้ว หุ้นกลุ่ม D&D เช่น CPALL/ ADVANC/ BEM/ BCH/ AMATA ผนวกกับกลุ่มที่เชื่อมโยงจีน NER/ IVL/ CBG/ TKN ถ้ามีการพักฐานเพราะความกังวลนี้ เรามองเป็นโอกาสซื้อ ส่วนถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกเริ่มลดลง กลุ่มพลังงาน (PTTEP/ PTTGC/ IVL) ท่องเที่ยว (MINT/ CENTEL) และแบงก์(BBL/ SCB) จะกลับมาเด่นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยกำลังเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น หากมีการระบาดรอบ 2 ให้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงต่ำกว่า 50% และเลือกลงทุนได้ เฉพาะ สื่อสาร โรงไฟฟ้า ค้าปลีก กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เท่านั้น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
ห้ามพลาด
สัปดาห์นี้ ยังคงอยู่ในโหมดระมัดระวังการลงทุน เน้นเลือกหุ้นมีปัจจัยบวก BCPG TACC