โดย Ambar Warrick
Investing.com-- หุ้นจีนและฮ่องกงร่วงลงในวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการล็อกดาวน์จากโควิด-19 ครั้งใหม่ ขณะที่ตลาดเอเชียปรับตัวลงหลังจากข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากขึ้น
ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงเป็นดัชนีที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาค โดยลดลง 1.4% ภาคเทคโนโลยี ได้แก่ Baidu (NASDAQ:BIDU) Inc (HK:9888), Alibaba Group Holding Ltd (HK:9988) และ Tencent Holdings Ltd (HK: 0700) ลดลงระหว่าง 1.9% เป็น 3% ซึ่งมีส่วนกดดันดัชนีมากที่สุด
Shanghai Shenzhen CSI 300 ของจีนร่วงลง 0.6% ในขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ซื้อขายทรงตัว ความเชื่อมั่นที่มีต่อฮ่องกงและจีนแย่ลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการใหม่ในเมืองเซินเจิ้นและเฉิงตูของจีน เพื่อต่อสู้กับการฟื้นตัวของผู้ติดเชื้อโควิด-19
การล็อกดาวน์ถือเป็นมาตรการล่าสุดที่ปักกิ่งประกาศใช้ในปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปลอดโควิด การที่รัฐบาลปฏิเสธที่จะผ่อนคลายนโยบายดังกล่าวได้ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของจีนในปีนี้
หุ้นจีนร่วงลงอย่างรวดเร็วในปีนี้ ขณะที่ค่าเงินหยวนดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี
ถึงกระนั้น ข้อมูลในวันจันทร์แสดงให้เห็นว่า ภาคบริการ ของจีนเติบโตเกินคาดในเดือนสิงหาคม ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณการฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่
ตลาดหุ้นเอเชียในวงกว้างถอยกลับหลังจากข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ของสหรัฐฯ เติบโตเกินคาดในเดือนสิงหาคม ช่วยให้เฟดมีพื้นที่มากขึ้นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปี 2022
ขณะนี้นักลงทุนคาดโอกาส 57% ที่เฟดจะปรับขึ้น 75 จุดในเดือนกันยายน
PSEi Composite ของฟิลิปปินส์ทรุดตัวลง 0.6% ทำผลานย่ำแย่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 0.3% กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศคาดว่าจะเผชิญกับการหยุดชะงักจากไต้ฝุ่นฮินนามอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพายุที่เลวร้ายที่สุดที่เกาหลีใต้เผชิญในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา
ในทางกลับกัน S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภาคบริการของประเทศเติบโตอย่างไม่คาดคิดในเดือนสิงหาคม ผลประกอบการของบริษัทในออสเตรเลียก็เติบโตเกินคาดในไตรมาสที่สองเช่นกัน
SET ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 1,617.17 จุด เงินเฟ้อไทยเดือนสิงหาคมสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 7.86% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008