Investing.com - ตลาดวอลล์สตรีทมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนต่างรอการเผยแพร่ของข้อมูลการจ้างงานสำคัญในสัปดาห์นี้ ข้อมูลเงินเฟ้อในยุโรปและความวุ่นวายทางการเมืองในแคนาดาก็เป็นที่จับตามองเช่นกัน
1. ข้อมูลการจ้างงาน
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้คือรายงานการจ้างงานรายเดือนของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเผยแพร่ในวันศุกร์ โดยเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกคาดว่าจะเพิ่มตำแหน่งงานที่ 154,000 ตำแหน่ง ในเดือนธันวาคม ขณะที่ อัตราการว่างงาน คาดว่าจะคงที่ที่ 4.2%
ข้อมูลตลาดแรงงานนั้นมีความผันผวนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการประท้วงและพายุเฮอร์ริเคน โดยข้อมูลเดือนพฤศจิกายนแสดงถึงการเติบโตของตำแหน่งงานที่ 227,000 ตำแหน่ง หลังจากการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนตุลาคม
นักลงทุนคาดหวังว่ารายงานการจ้างงานจะชี้ให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่ไม่มากจนทำให้เฟดต้องเผชิญกับความยากลำบากในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป
การเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานประมาณ 150,000 ตำแหน่งจะทำให้จำนวนตำแหน่งงานที่สร้างขึ้นในปี 2024 รวมเป็น 2.134 ล้านตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบปี ยกเว้นปี 2020 ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID และปี 2019 ที่มีการสร้างงานเพียง 1.988 ล้านตำแหน่ง
ธนาคารกลางสหรัฐคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงสองครั้งในปีนี้ จากที่เคยคาดว่าจะมีการปรับลดที่ 4 ครั้งในเดือนกันยายน ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในสัปดาห์นี้น่าจะส่งสัญญาณที่ดูระมัดระวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
2. หุ้นฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้น
หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ โดยนักลงทุนยังไม่กล้าเปิดสถานะการลงทุนขนาดใหญ่ก่อนการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 15:55 น. (GMT+7) ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 35 จุด หรือ 0.1% S&P 500 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 17 จุด หรือ 0.3% และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 97 จุด หรือ 0.5%
ดัชนีหลักทั้งสามปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของเฟด หลังจากความเห็นเชิง hawkish ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดี เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของอดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter
นักลงทุนจะต้องจับตาดูสัญญาณเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบาย หลังการเผยแพร่ข้อมูลการจ้างงานรายเดือนในวันศุกร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องให้ความสนใจไปที่รายงาน ตำแหน่งงานจาก JOLTS ในวันอังคาร และ การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจาก ADP ในวันพุธ ก่อนการ ประชุมเฟด ในช่วงปลายเดือนนี้
3. ดัชนี CPI ของยูโรโซน
รายงาน ดัชนีราคา CPI ของเยอรมนี ประจำเดือนธันวาคมมีกำหนดการณ์จะเผยแพร่ในวันนี้ ก่อนข้อมูล เงินเฟ้อของยูโรโซน ฉบับแรกในวันอังคาร โดยคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในกลุ่มยูโรที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม สเปนได้เปิดเผยตัวเลข CPI สำหรับเดือนธันวาคมไปแล้ว ซึ่งแสดงผลดีกว่าที่คาดไว้จากราคาในภาคพลังงานที่สูงขึ้น และอาจสะท้อนให้เห็นในประเทศอื่น ๆ เช่นกัน
นักลงทุนกำลังคาดหวังหาว่า ธนาคารกลางยุโรป จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 100 จุดพื้นฐานในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 โดยหากมีสัญญาณว่าเงินเฟ้อลดลงเพิ่มเติม มันก็จะเปิดโอกาสให้ ECB ผ่อนคลายนโยบายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาได้
อย่างไรก็ตาม ฤดูหนาวที่หนาวเย็นขึ้นอาจทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ราคาก๊าซธรรมชาติ ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงการสิ้นสุดของข้อตกลงระยะยาวที่รัสเซียจะส่งก๊าซให้ยุโรปผ่านยูเครน
4. Trudeau เตรียมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดา
เวลาของ Justin Trudeau ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดาอาจใกล้สิ้นสุดลง หลังจากมีรายงานหลายฉบับระบุว่าเขาเตรียมลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีนิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล หลังจากที่ดำรงตำแหน่งมา 9 ปี ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันนี้
หากเขาลาออก มันก็จะทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มั่นคง เพื่อรับมือกับรัฐบาลใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะกำหนดภาษีการค้าสูง
ผลสำรวจล่าสุดระบุว่าพรรคเสรีนิยมมีแนวโน้มจะแพ้อย่างหนักต่อพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ในการเลือกตั้งที่จะต้องจัดขึ้นภายในปลายเดือนตุลาคม
สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังนักลงทุนยินดีต่อโอกาสในการเลือกตั้งก่อนกำหนดเพื่อความชัดเจนทางการเมือง แม้ว่าแรงหนุนดังกล่าวจะยังคงถูกจำกัด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข่าวนี้ส่วนหนึ่งอาจถูกคาดการณ์ล่วงหน้าแล้ว
USD/CAD ลดลง 0.6% มาอยู่ที่ระดับ 1.4365
5. ราคาน้ำมันขยับลงเล็กน้อยก่อนข้อมูลสำคัญ
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเล็กน้อยในวันนี้ โดยถูกกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า แต่การปรับลดก็ค่อนที่จะมีจำกัด เนื่องจากนักลงทุนต่างรอการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์
ณ เวลา 10:55 น. น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์สลดลง 0.4% มาอยู่ที่ 73.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.4% มาอยู่ที่ 76.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากความหวังเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ดีขึ้นในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ปักกิ่งเตรียมเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ฤดูหนาวที่หนาวเย็นขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรป ก็คาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการน้ำมัน โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำมันกลั่น
อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็ได้กระตุ้นให้เกิดการเทขายทำกำไรในวันนี้ เนื่องจากเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบสองปีก่อนการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะให้สัญญาณเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก
นักลงทุนยังต้องจับตาความเป็นไปได้ของการหยุดชะงักในอุปทาน โดยมีรายงานว่ารัฐบาลไบเดนมีแผนจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากสงครามในยูเครน