โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่การประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายนชี้ว่า ยังไม่มีการตกลงในหมู่สมาชิกว่าจะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรเมื่อใด
ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.3% เป็นประวัติการณ์ที่ 4,358.13 ดัชนีดาวโจนส์ บวก 0.30% หรือ 104 จุด ส่วน ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 14,665.1 จุด
รายงานการประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายนที่เผยแพร่ระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายของเฟดต่างเห็นพ้องกันว่ายังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเริ่มปรับลดการซื้อพันธบัตรรายเดือน แต่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นไปตามเงื่อนไขต่าง ๆ เมื่อใด เนื่องจากสมาชิกบางคนคาดหวังว่าจะถึงเกณฑ์เร็วกว่าที่คาด ในขณะที่คนอื่น ๆ เลือกที่จะรอดูข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ก่อน
“มาตรฐานของคณะกรรมการว่าด้วย 'ความคืบหน้าที่สำคัญ' ถูกมองว่ายังไม่ถึงเกณฑ์ แม้คาดว่าความคืบหน้าจะดำเนินต่อไป” รายงานดังกล่าวระบุ อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกหลายคนที่คาดว่าเงื่อนไขสำหรับเกณฑ์การลดสินทรัพย์จะมาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้
ความไม่แน่นอนของกำหนดเวลาในการลดสินทรัพย์ทำให้ตลาดชะลอตัว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดของวัน ซึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อ แต่บางคนกล่าวว่าการร่วงลงเช่นนี้เกี่ยวกับปัจจัยด้านโครงสร้างมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากนักลงทุนถูกผลักดันให้เดิมพันในพันธบัตรขาลง
“หลายคนเทขายพันธบัตรช้าไปหน่อยและตอนนี้เราได้เห็นว่ายังคงมีการเทขายอยู่” จอห์น ไทเนอร์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Aptus Capital Advisors กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Investing.com
เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง การเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับผลกำไรอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหุ้นโซเชียลมีเดียจะล้าหลังก็ตาม
ราคาหุ้น Facebook (NASDAQ:FB) ยังคงทรงตัว หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังยื่นฟ้องยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียและด้านเทคโนโลยีรายอื่น ๆ รวมถึง Twitter และ Google ในกรณีที่สั่งแบนเขาและคนอื่น ๆ บนแพลตฟอร์ม
ราคาหุ้น Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ฟื้นตัว ขณะที่ Twitter (NYSE:TWTR) ลดลง 2%
หุ้นกลุ่มวัสดุและอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มพลังงานลดลงต่อไปหลังจากที่ราคาน้ำมันพลิกผัน
ราคาน้ำมันยังคงลดลงเนื่องจากความล้มเหลวของ OPEC+ ในการบรรลุข้อตกลงแผนการผลิตใหม่ ทำให้เกิดความกังวลว่าสมาชิกที่เคยตกลงว่าจะลดกำลังการผลิต อาจหลุดพ้นจากข้อตกลงนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันทั่วโลก