โดย Ambar Warrick
Investing.com -- หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงในวันจันทร์ เนื่องจากมาตรการเสริมสภาพคล่องฉุกเฉินและธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปแทบไม่ได้สะทกสะท้านต่อความวิตกที่อาจเกิดขึ้นกับวิกฤตการธนาคาร โดยตลาดกำลังรอสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงินจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
ดัชนีหุ้นที่ตกหนักทำให้เส้นกราฟดิ่งลงสูงชัน โดยดัชนี นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นร่วงลง 1% ในขณะที่ดัชนี Nifty 50 และ BSE Sensex 30 ของอินเดียร่วงลง 0.9% และ 0.8 % ตามลำดับ
ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากการขาดทุนในธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่งของประเทศ ซึ่งลดลงระหว่าง 0.1% ถึง 1.1% ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงดิ่งลง 2.6% โดย HSBC Holdings PLC (HK:0005) ลดลงเกือบ 6% ซึ่งเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในดัชนี ผู้ให้กู้เพิ่งเข้าซื้อกิจการธนาคาร Silicon Valley สาขาอังกฤษ ที่มีปัญหา Bank Run จนต้องปิดตัวลงเมื่อต้นเดือนนี้
หุ้นจีนเป็นหุ้นที่ทำผลงานดีสำหรับวันนี้ โดยดัชนี CSI 300 และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากธนาคารกลางจีนปรับลด อัตราส่วนความต้องการสำรอง สำหรับผู้ให้กู้ในประเทศลงอย่างไม่คาดคิด
นอกจากนี้ PBOC ยังคง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลัก ไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดิม เนื่องจากต้องการหนุนสภาพคล่องและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ความกลัววิกฤตธนาคารทั่วโลกส่งผลให้มีการปรับตัวลงเล็กน้อย แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางหลักอื่น ๆ มีมาตรการเสริมสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนผู้ให้กู้ที่มีปัญหา สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ธนาคารสัญชาติสวิสอย่าง UBS Group AG (SIX:UBSG) กล่าวว่าจะเข้าซื้อกิจการ Credit Suisse Group AG (SIX:CSGN) เนื่องจากฝ่ายหลังเผชิญกับวิกฤตสภาพคล่องที่เพิ่มมากขึ้น
โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลของสวิสทำหน้าที่ดูแลและดำเนินการการซื้อขายนี้เพราะตั้งใจที่จะสงบความกลัวของตลาดต่อความเสี่ยงที่มีต่อระบบธนาคาร สถานการณ์นี้ยังคงทำให้ตลาดเข้าใกล้วิกฤตฟองสบู่ในตลาดตราสารหนี้ยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงว่า UBS จะมีมูลค่าลดลงเทียบเท่ากับ Credit Suisse บอนด์ที่มีมูลค่าประมาณ 1.7 หมื่นล้าน
หุ้นเอเชียถูกเทขายอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความวิตกว่าวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปอาจลุกลามบานปลาย ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูง
สัปดาห์นี้จับตามองที่การสรุปผลการประชุมของเฟดที่จะสิ้นสุดในวันพุธ ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางจะ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐาน การหยุดชะงักล่าสุดในภาคการธนาคารได้กระตุ้นให้เกิดการเดิมพันว่าเฟดจะเข้มงวดน้อยลงเพื่อป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง
แต่มาตรการเสริมสภาพคล่องล่าสุดได้ทำให้ความพยายามของเฟดในการคุมเข้มนโยบายการเงินและต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมาสะดุดลง ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางจะดำเนินการอย่างไรในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น