InfoQuest - ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (13 พ.ย.) ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.21% แตะที่ 105.6405
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9016 ฟรังก์ จากระดับ 0.9027 ฟรังก์ในวันศุกร์ (10 พ.ย.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3799 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3810 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.8390 โครนา จากระดับ 10.9151 โครนา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 151.5970 เยน จากระดับ 151.5840 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0702 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0679 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2277 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2217 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้ (14 พ.ย.) เวลาประมาณ 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 3.7% และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.
นอกเหนือจากข้อมูลเงินเฟ้อแล้ว นักลงทุนยังจับตาสภาคองเกรสสหรัฐซึ่งกำลังเร่งผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดดำเนินงานหรือชัตดาวน์ ได้ทันกำหนดเส้นตายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย.นี้ โดยนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้นำเสนอร่างงบประมาณการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ แต่ไม่รวมถึงการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือยูเครนและอิสราเอล
การเสนอร่างงบประมาณการใช้จ่ายของนายจอห์นสัน มีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากมูดี้ส์ประกาศลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) โดยมูดี้ส์คาดการณ์ว่า การขาดดุลการคลังของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงมาก และจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงอย่างมาก