InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (27 มิ.ย.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและยุโรป
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 81.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 86.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนอาจจะลุกลามกลายเป็นการทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบ และอาจส่งผลให้อิหร่านเข้าร่วมการทำสงครามดังกล่าว ซึ่งจะกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเลบานอน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น ขณะที่ตุรกีประกาศว่าจะยืนหยัดเคียงข้างเลบานอน พร้อมกับเรียกร้องการสนับสนุนจากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มกบฎฮูตีได้ทำการโจมตีเรือสินค้าในทะแดง และได้ส่งโดรนหลายลูกพุ่งเป้าโจมตีเรือที่ท่าเรือไฮฟาของอิสราเอล โดยกบฎฮูตีซึ่งครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนนั้น ยังคงเดินหน้าโจมตีเรือนสินค้าในทะเลแดง โดยเฉพาะเรือที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอล เพื่อแสดงจุดยืนเคียงข้างชาวปาเลสไตน์ในการทำสงครามกับอิสราเอลในฉนวนกาซา
ส่วนสถานการณ์ในยุโรปนั้น รายงานระบุว่ารัสเซียกำลังพิจารณาลดความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหรัฐในกรณีการทำสงครามกับยูเครน ซึ่งการลดความสัมพันธ์อาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันระหว่างรัสเซียและบรรดาชาติตะวันตก
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล