โดย Peter Nurse
Investing.com – ตลาดหุ้นยุโรปซื้อขายสูงขึ้นในวันอังคาร โดยดีดตัวขึ้นหลังจากการขาดทุนอย่างหนักจากเซสชั่นก่อนหน้า แม้ว่านักลงทุนจะยังคงตื่นตัวอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงจากภาวะถดถอย
เมื่อเวลา 03:45 น. ET (07:45 GMT) DAX ในเยอรมนีซื้อขายสูงขึ้น 0.7% CAC 40 ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 0.4% และ FTSE 100 ในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 0.3%
ตลาดหุ้นหลักของยุโรปร่วงลงในวันจันทร์ โดย DAX ลดลง 2.2% และ CAC 40 ลดลง 1.2% หลังจากที่รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซหลักไปยังเยอรมนีอย่างไม่มีกำหนด ทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในยุโรปในช่วงฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึง
ท่ามกลางการเด้งกลับของตลาดดัชนีหุ้นต่าง ๆ แต่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานของเยอรมนี ลดลง 1.1% ในเดือนกรกฎาคมซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 5 ใน 6 เดือน ซึ่งยืนยันแนวโน้มขาลงของการผลิตในยุโรปนับตั้งแต่การรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลเปิดเผยก่อนการประชุม ธนาคารกลางยุโรป ที่จะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าจะเห็นผู้กำหนดนโยบายอนุมัติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ครั้งที่สอง เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เข้าใกล้ตัวเลขสองหลักอย่างรวดเร็วก่อนที่ภาวะเศรษฐกิจจะแย่ลงไปอีก
ธนาคารกลางออสเตรเลีย ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเมื่อต้นวันอังคาร โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น 50 จุดพื้นฐานเป็น 2.35% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งที่ 5ในปีนี้
ที่อื่น ๆ ลิซ ทรัสส์ เตรียมพบควีนอลิซาเบธที่ปราสาทบัลมอรัลในเช้าวันนี้ เพื่อเข้ารับการยืนยันในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสหราชอาณาจักร โดยให้คำมั่นว่าจะมีการปรับลดภาษีและให้การสนับสนุนครัวเรือนที่ต้องเผชิญกับรายจ่ายค่าไฟฟ้าจำนวนมาก
ในข่าวองค์กร หุ้นของ Credit Suisse (SIX:CSGN) เพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากธนาคารยักษ์ใหญ่ตกลงขายธุรกิจทรัสต์ระดับโลกให้กับ The Bank of N.T. Butterfield & Son Limited (NYSE:NTB) และ Gasser Partner Trust
หุ้น Lufthansa (ETR:LHAG) เพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากประธานกรรมการผู้บริหาร Carsten Spohr กล่าวว่าสายการบินของเยอรมันกำลังวางแผนที่จะจ้างพนักงานใหม่เกือบ 20,000 คนภายในสิ้นปี 2023 เนื่องจากอุตสาหกรรมได้ฟื้นตัวจากโรคระบาด
ราคาน้ำมันซื้อขายสูงขึ้นในวันอังคารเนื่องจากเทรดเดอร์เห็นการตัดสินใจของผู้ผลิตชั้นนำในการลดระดับการผลิตเพื่อรองรับราคาท่ามกลางความกลัวว่าอุปสงค์ที่ชะลอตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือกลุ่มที่รู้จักกันในชื่อ OPEC+ ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะลดกำลังการผลิตลงเล็กน้อยที่ 100,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนตุลาคม หรือประมาณ 0.1% ของความต้องการทั่วโลก
ราคาน้ำมันร่วงลงตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. จากความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมาตรการการควบคุมโควิด19 ของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก ที่อาจทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลงเช่นกัน
โดยในเวลา 03:45 น. ET สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.8% เป็น 89.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 95.78 ดอลลาร์ สัญญาทั้งสองฉบับเพิ่มขึ้นเกือบ 3% ในวันจันทร์ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดแรงงานของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ WTI จึงยังไม่นิ่ง
นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 1,727.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ EUR/USD ซื้อขายสูงขึ้น 0.6% เป็น 0.9985