โดย Dhirendra Tripathi
Investing.com --หุ้นรีบาวน์กลับมาแดนบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนรอรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยมากมายเกี่ยวกับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น และปัญหาด้านแรงงานที่กำลังดำเนินอยู่
ราคาน้ำมันหนึ่งบาร์เรลพุ่งทะลุ 80 ดอลลาร์สำหรับทั้ง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์
ที่ช่วยยกระดับหุ้นพลังงานและวัสดุ นักลงทุนกำลังกังวลทั้งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและวิกฤตพลังงานโลกที่ไม่แสดงสัญญาณการปล่อยเช่า
ธนาคารขนาดใหญ่เป็นผู้นำของกลุ่มบริษัท S&P 500 ที่รายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดย JPMorgan Chase & Co (NYSE: JPM) จะรายงานในวันพุธ จากนั้น Bank of America Corp (NYSE: { {243 | BAC}}), มอร์แกน สแตนลีย์ (NYSE: MS), Citigroup Inc (NYSE: C) และ Goldman Sachs Group Inc (NYSE: GS ) จะประกาศเป็นรายต่อมาในสัปดาห์หน้า
รอยเตอร์สรายงานว่า นักวิเคราะห์คาดว่าผลกำไรของบริษัทใน S&P 500 จะเพิ่มขึ้น 29.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่สาม โดยอ้างข้อมูล IBES จาก Refinitiv ณ วันศุกร์
สัปดาห์ที่แล้วเป็นข้อมูลในตลาดแรงงาน และในสัปดาห์นี้จะมีรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐจากเดือนที่แล้ว รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก
ต่อไปนี้คือ 3 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดที่นักลงทุนควรรู้
1. จับตาตลาดน้ำมัน
นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า น้ำมันอาจพุ่งแตะ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในฤดูหนาวนี้ เนื่องจากการขาดแคลน ก๊าซธรรมชาติ อาจทำให้ผู้คนเปลี่ยนไปใช้น้ำมัน นักวิเคราะห์เพิ่มการคาดการณ์ว่าน้ำมันเบรนท์อาจเพิ่มขึ้นถึง 85 ดอลลาร์ ซึ่งเกือบแตะระดับดังกล่าวแล้วในวันจันทร์
2. Southwest ซวยต่อเนื่อง
บริษัท Southwest Airlines Company (NYSE: LUV) ถูกบังคับให้ยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 2,000 เที่ยวในช่วงสี่วันที่ผ่านมา และกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าคาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติในสัปดาห์นี้ มีปัญหาด้านสภาพอากาศและการจราจรทางอากาศในฟลอริดา แต่โซเชียลเต็มไปด้วยความคึกคักในช่วงสุดสัปดาห์โดยมีการคาดเดากันว่านักบินลาป่วยจากการสั่งให้ฉีดวัคซีนของบริษัท สหภาพแรงงานปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Southwest ลดลง 3% ในวันจันทร์
3. รายงานการจ้างงาน
ตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผย การสำรวจตำแหน่งงานว่าง และการหมุนเวียนงานในตลาดแรงงาน หรือ JOLTS ในวันอังคาร มีแนวโน้มว่าจะหดตัวเป็น 10.925 ล้านถึงเดือนสิงหาคม จาก 10.934 ล้านในเดือนกรกฎาคม ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Investing.com
ข้อมูลประกอบข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส