Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยตลาดจีนเพิ่มขึ้นมากที่สุด หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงบวกเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นโดยรวมก็ยังคงถูกจำกัดเนื่องจากคำขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
ตลาดหุ้นในภูมิภาคได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของวอลล์สตรีทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนธันวาคม แต่หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐปรับตัวลดลงในตลาดเอเชีย หลังจากคำขู่เรียกเก็บภาษีของทรัมป์
หุ้นจีนพุ่งจากข้อมูลภาคการผลิตที่สดใส
ดัชนี CSI 300 และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 0.5% และ 0.8% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงปรับตัวขึ้น 0.2%
กิจกรรมภาคการผลิตของจีนขยายตัวในเดือนพฤศจิกายน โดยข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิต ของ Caixin เพิ่มขึ้นเป็น 50.3 จาก 50.1 ในเดือนตุลาคม ตามข้อมูลที่เผยแพร่ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังได้รับแรงหนุนจากการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบเชิงบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาล
ข้อมูลดัชนี PMI อย่างเป็นทางการ ที่เผยแพร่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของจีนขยายตัวเกินคาดเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายน
ข้อมูลภาคการผลิตที่เป็นบวกเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากปักกิ่งประกาศออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ นักลงทุนยังคงคาดหวังมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจากจีน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการค้าภายใต้การนำของทรัมป์
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียถูกจำกัดจากคำขู่เรื่องภาษีของทรัมป์
การเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียยังถูกจำกัดด้วยคำขู่ของทรัมป์ที่จะเรียกเก็บภาษี 100% ต่อสินค้าจากกลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) หากพวกเขาพยายามบ่อนทำลายเงินดอลลาร์ด้วยการสร้างหรือสนับสนุนสกุลเงินทางเลือกใหม่ ทรัมป์ได้ย้ำว่าประเทศใดก็ตามที่พยายามแทนที่เงินดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศจะต้องเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และอาจสูญเสียการเข้าถึงตลาดสหรัฐอีกด้วย
คำขู่ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทรัมป์ให้คำมั่นสัญญาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าต่อจีน เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่ดัชนี PSEi คอมโพสิต ของฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 0.8%
ดัชนี KLSE ของมาเลเซียเพิ่มขึ้น 0.5% และ JKSE ของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่ Nifty 50 ฟิวเจอร์ส ของอินเดียลดลง 0.2%
ในญี่ปุ่น ดัชนี Nikkei 225 เพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่ TOPIX เพิ่มขึ้น 0.4% แม้จะมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นหดตัวเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันในเดือนพฤศจิกายน
ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียขยับขึ้น 0.1% หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ดัชนียอดค้าปลีก ของประเทศเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนตุลาคมจากการใช้จ่ายในสินค้าที่ไม่จำเป็น
จับตาสัญญาณจากเฟดและการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของ BOI ในสัปดาห์นี้
ตลาดกำลังจับตาสัญญาณเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและทั่วโลก โดยออสเตรเลียจะมีการเผยแพร่ตัวเลข GDP สำหรับไตรมาสที่สามในวันพุธ
อีกทั้ง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดก็มีกำหนดการณ์ขึ้นกล่าวคำปราศรัยในวันพุธ ขณะที่ข้อมูลสำคัญอย่าง การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ของสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายนก็กำลังจะเปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ธนาคารกลางอินเดีย (NS:BOI) นั้นกำลังจะตัดสินใจเกี่ยวกับ นโยบายอัตราดอกเบี้ย ในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในอินเดียยังคงอยู่ในระดับสูง