InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (11 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มกลาโหมนำตลาดปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มการใช้จ่ายด้านการทหารที่เพิ่มขึ้นในยุโรปเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 512.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด หรือ +1.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,426.88 จุด เพิ่มขึ้น 88.21 จุด หรือ +1.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,448.60 จุด เพิ่มขึ้น 233.12 จุด หรือ +1.21% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,125.19 จุด เพิ่มขึ้น 52.80 จุด หรือ +0.65%
หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น และนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มกลาโหมของยุโรป หลังทรัมป์เตือนว่าจะลดการสนับสนุนด้านการทหารสำหรับยูเครน และกดดันให้สมาชิกนาโตใช้จ่ายด้านกลาโหมที่ระดับ 2% หรือมากกว่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
หุ้นกลุ่มกลาโหมพุ่งขึ้น 2.6% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นลีโอนาดา (Leonardo) ของอิตาลี, หุ้นเฮนโซลด์ (Hensoldt), หุ้นไรน์เมทัล (Rheinmetall) และ หุ้นเรงก์ Renk ของเยอรมนี รวมถึงหุ้นซาบ (Saab) ของสวีเดน พุ่งขึ้น 3.5%-5.8%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปอาจได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นทำลายสถิติเป็นประวัติการณ์ด้วย
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ, GDP ไตรมาส 3 และข้อมูลจ้างงานของยูโรโซนในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานการประชุมเดือนต.ค.ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วยเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า แผนการของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีศุลกากร, ปรับลดภาษีเงินได้ และลดระเบียบขั้นตอนต่าง ๆ อาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น