โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมมีดังต่อไปนี้
1. การประท้วงในฮ่องกงปะทุขึ้นอีกครั้ง
กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากได้ออกมาชุมนุมกันบนท้องถนนในฮ่องกงอีกครั้งเพื่อต่อต้านการใช้กฎหมายว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของจีน อันจะส่งผลกระทบต่อเสรีภาพและสิทธิพิเศษของฮ่องกง โดยกองกำลังตำรวจฮ่องกงได้ใช้แแก๊สน้ำตา กระสุนน้ำ และสเปรย์พริกไทยเพื่อสลายการชุมนุม และจับกุมผู้ประท้วงมากกว่า 100 ราย
การประท้วงเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันให้หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เพิ่มรายชื่อบริษัทอีก 33 แห่งลงในบัญชีดำ โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกของประเทศจีน ทำให้จีนแสดงความ "ไม่พอใจอย่างยิ่ง" และนักวิเคราะห์หลายท่านจึงออกมาเตือนว่าอาจมีการเกิดสงครามเย็นครั้งใหม่ระหว่างสองขั้วมหาอำนาจ
ตลาดหุ้นจีนขยับหลายทิศทาง แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเงินหยวนในตลาดฮ่องกง อยู่ที่ระดับสูงกว่า 7.15
2. สเปนพยายามกอบกู้ฤดูท่องเที่ยวของยุโรป
ประเทศต่าง ๆ เริ่มทยอยผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสเปนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโควิด-19 ได้ออกมาประกาศเปิดชายหาดและโรงแรมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป
หุ้นบริษัทท่องเที่ยวและโรงแรมต่างก็ปรับตัวขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะหุ้นของ Melia บริษัทประกอบกิจการโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสเปนที่ได้ปรับตัวขึ้นมาเกือบหนึ่งในสี่
ทางด้านญี่ปุ่นก็ได้ยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินและเปิดสถานที่ออกกำลังกายรวมทั้งสระว่ายน้ำตามปกติแล้วในวันนี้ และฝรั่งเศสก็เตรียมประกาศการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เฟสถัดไปในกลางสัปดาห์นี้
3. ตลาดหุ้นปิดทำการเนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ, สัญญาซื้อขายดัชนีล่วงหน้าส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐ สหราชอาณาจักร อินเดีย และสิงคโปร์ต่างก็ปิดทำการเนื่องในวันหยุด จึงทำให้ความเคลื่อนไหวของตลาดทั่วโลกค่อนข้างเงียบเหงา
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 224 จุดหรือ 0.9% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ต่างก็บวกขึ้น 0.9% ส่วนดัชนี Stoxx 600 ดีดขึ้น 0.8% ขณะที่ Nikkei บวก 1.7% และดัชนี KOSPI ปรับตัวขึ้น 1.2%
4. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเริ่มเป็นไปในแง่บวก แม้ยังคงอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจจาก Ifo ของเยอรมนีในเดือนพฤษภาคมเด้งกลับขึ้นมาเป็น 79.5 จากเดือนเมษายนที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 74.2 เนื่องด้วยความคาดหวังของตลาดที่สูงขึ้น โดยสายการบิน Lufthansa ได้เคยประกาศว่าจะเร่งฟื้นฟูกิจการบริการในเดือนมิถุนายน และล่าสุดได้ตั้งเป้าหมายว่าจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 20% จากเครื่องบินที่มีอยู่ทั้งหมด
ทว่าตัวเลขการประเมินสภาพทางธุรกิจในเดือนพฤษภาคมกลับย่ำแย่ลง
ทั้งนี้ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้ในไตรมาสแรกถือเป็นหลักฐานสำคัญทางเทคนิคที่ชี้ว่าเยอรมนีได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศได้หดตัวลงถึง 2.2% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ของปี 2019 ที่ลดลงเพียง 0.1% และ Klaus Wohlrabe นักเศรษฐศาสตร์จาก Ifo ก็ได้เผยว่าทางสถาบัน Ifo คาดว่า GDP ของเยอรมนีจะทรุดตัวลงมากกว่า10% ในไตรมาสที่สอง
5. Hertz ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ, Tuesday Morning อาจเป็นรายถัดไป
การยื่นขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่าง ๆ ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทให้บริการยืมรถยนต์ Hertz Global Holdings (NYSE:HTZ) ได้ยื่นขอเยียวยาจากการล้มละลายหลังเวลาตลาดปิดเมื่อวันศุกร์ขณะที่มีหนี้เกือบ 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ในระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาบริษัทไม่มียอดการยืมรถยนต์ที่มีอยู่กว่า 700,000 คันเนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาด
และยังมีอีกรายงานข่าวจาก Wall Street Journal ที่รายงานว่า Tuesday Morning ซึ่งเป็นบริษัทประกอบกิจการค้าปลีกกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมยื่นขอฟื้นฟูกิจการในวันพรุ่งนี้ ตามรอยบริษัทค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านรายอื่น ๆ อย่าง Pier 1 และ Art Van Furniture รวมทั้งบริษัทห้างสรรพสินค้าอย่าง Neiman Marcus และ JC Penney (NYSE:JCP) ด้วย