โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนในวันพุธที่ 15 เมษายนมีดังต่อไปนี้
1. สหรัฐอนุมัติแผนการอุ้มอุตสาหกรรมการบิน
รัฐบาลสหรัฐได้อนุมัติแผนการอัดฉีดเงินมูลค่า 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐสู่อุตสาหกรรมการบินเพื่อครอบคลุมต้นทุนด้านการจ้างงานท่ามกลางการระบาดของโควิด-19
American Airlines (NASDAQ:AAL) และ Delta Air Lines (NYSE:DAL) เป็นสองสายการบินที่ได้รับการเยียวยามากที่สุดเป็นมูลค่า 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐและ 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ สายการบิน Southwest (NYSE:LUV) จะได้รับ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน JetBlue (NASDAQ:JBLU) และสายการบินอื่น ๆ ก็ได้ลงชื่อเพื่อขอรับการเยียวยาด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะได้รับเป็นเงินทุนเยียวยาและในส่วนที่เหลือจะเป็นการช่วยเหลือในรูปแบบการให้กู้ยืมด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำและการประกันหุ้น
ทว่าเงื่อนไขของการเยียวยาครั้งนี้คือสายการบินจะไม่สามารถสั่งพักงานหรือลดเงินเดือนพนักงานไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน และระงับการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผลไปจนถึงเดือนกันยายนปี 2021
2. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ยอดค้าปลีก ประจำเดือนมีนาคมของสหรัฐจะมีกำหนดการรายงานในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และ การผลิต จะตามมาในเวลา 9:15 น. ทั้งนี้ Paul Donovan หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก UBS Global Wealth Management ได้ให้ความเห็นไว้ว่า เนื่องจากรัฐต่าง ๆ ได้ออกคำสั่งปิดรัฐในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ดังนั้นจึงยากที่จะประเมินภาพรวมจากข้อมูลเหล่านี้ได้
นอกจากนี้จะมีการรายงานดัชนี การผลิตนิวยอร์ก ในเวลา 8:30 น. ด้วย ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงสภาพของรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 มากที่สุด
3. เยอรมนีคาดว่าจะยืดเวลาล็อคดาวน์ออกไปอีกสองสัปดาห์, อินเดียลดหย่อนมาตรการ
ผู้นำเยอรมนี อังเกลา แมร์เกิล เตรียมเห็นชอบการยืดเวลามาตรการล็อคดาวน์ร่วมกับผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ ผ่านการประชุมทางโทรศัพท์ในวันนี้
สำนักข่าว Deutsche Presse Agentur รายงานว่า แมร์เกิลต้องการใช้มาตรการล็อคดาวน์ไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม แม้จะมีบางรัฐที่รบเร้าให้สั่งเปิดโรงเรียนก่อนหน้านั้นก็ตาม (เดนมาร์กได้เปิดโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมแล้วในวันนี้)
ส่วนทางด้านนายกรัฐมนตรีอินเดีย นายนเรนทรา โมดี ได้เห็นชอบการผ่อนมาตรการล็อคดาวน์บางส่วนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอินเดียไม่มีวิธีการที่จะสามารถลดผลกระทบจากการล็อคดาวน์ในพื้นที่ชุมชนที่มีความยากจนของอินเดีย
4. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนลบ, ดาลีเผยมุมมองแง่ลบ
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนลบวันนี้หลังจากเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้น
เมื่อเวลา 6:40 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1040 GMT) {{8873|สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้า}} ปรับตัวลง 422 จุดหรือ 1.8% ส่วน สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ขยับลง 1.9% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าติดลบ 1.4%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์เมื่อวานนี้ว่า GDP โลกในปี 2020 จะหดตัวลง 3% ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุค 1930 และ GDP ของสหรัฐก็จะทรุดตัวลง 5.9%
ประธานเฟดประจำซานฟรานซิสโก แมรี ดาลี ได้ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ว่า การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างไม่สม่ำเสมอและเชื่องช้า
ดาลีกล่าวว่า “ดิฉันไม่คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นฟูอย่างก้าวกระโดดเป็นรูปทรงเหมือนตัว V แต่ดิฉันคาดว่าการเติบโตในแต่ละไตรมาสจะเป็นไปในทางลบตลอดปี 2020 แล้วจึงค่อย ๆ กลับมาสู่แง่บวกในปี 2021"
5. ราคาน้ำมันติดลบหลัง IEA ส่งสัญญาณเตือน
ราคาน้ำมันทรุดตัวลงอีกครั้งหลังจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ออกมาเตือนว่า ข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งนี้อาจไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาอุปทานน้ำมันเกินได้ "ด้วยเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์"
เมื่อเวลา 6:40 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐ ติดลบ 3.5% เหลือ $19.41 ต่อบาร์เรล จากก่อนหน้านี้ที่ลงไปทดสอบและเด้งกลับขึ้นมาจากระดับต่ำสุดของปีที่ $19.27 สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ปรับลง 4.2% อยู่ที่ $28.37 ต่อบาร์เรล
IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในเดือนเมษายนจะต่ำลงกว่าปีที่แล้วอยู่ที่ 29 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากนั้นในเดือนพฤษภาคมก็จะคลายตัวลงเหลือ 26 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในเดือนมิถุนายนก็จะอยู่ที่ 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งหากประเทศผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่คาดไว้ (IEA คาดว่าอุปทานน้ำมันของประเทศนอกเครือ OPEC+ โดยเฉลี่ยจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้) และหากประเทศอย่างจีนและสหรัฐได้สั่งซื้อน้ำมันเพื่อการสำรองน้ำมันเชิงกลยุทธ์ดังที่ได้ตกลงกันไว้ ตลาดน้ำมันก็จะเริ่มมีอุปทานน้ำมันที่ลดลงจากระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ในครึ่งหลังของปี