Investing.com - ราคาน้ำมันลดลงในฝั่งเอเชียวันนี้ขณะที่มีการเผยข้อมูลการผลิตล่าสุดจากองค์กรข้อมูลด้านพลังงาน (EIA) ของสหรัฐฯ
EIA ได้ออกมาประกาศว่า สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีปริมาณเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล ทำให้ปริมาณสุทธิเท่ากับ 454.5 ล้านบาร์เรลในสุดสัปดาห์วันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยต่างจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล
EIA เสริมอีกว่า ในสัปดาห์ที่แล้วโรงกลั่นสหรัฐฯ มีกำลังการผลิตเพียง 85.9% เนื่องมาจากการที่ประเทศซาอุดีอาระเบียได้ลดกำลังการผลิตน้ำมันอย่างมหาศาล จึงทำให้มีการดึงสินค้าน้ำมันชนิดหนักในคลังออกมาใช้ในปริมาณมากเพื่อผลิตเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่ง
ข่าวดังกล่าวจึงทำให้ราคาน้ำมันลดต่ำลง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ปรับระดับลง 0.7% สู่ $67.02 ในเวลา 1:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (06:00 GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.1% เท่ากับ $56.94
ส่วนการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศจีน-สหรัฐฯ ที่นครวอชิงตันยังคงเป็นจุดสนใจในขณะนี้ วันนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้กล่าวว่าประเทศจีนกำลังพิจารณาที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ของสหรัฐฯ อันได้แก่ถั่วเหลือง ข้าวโพด และธัญพืชเพิ่มเติมเป็นจำนวนเงิน $30 ร้อยล้านต่อปีซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน
นายซอนนี เพอร์ดู รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าการออกความเห็นว่าจีนจะซื้ออะไรและซื้อเท่าไรในข้อตกลงทางการค้านั้น “ยังเร็วไปหน่อย” ในขณะนี้ “ผมไม่ต้องการสร้างความคาดหวัง” เขาตอบผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี “หากทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อสรุปในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจได้ ตลาดจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากๆ”
รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กออกมาภายหลังจากที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มวางโครงร่างข้อตกลงทางการค้าแล้ว รอยเตอร์กล่าวว่าความคืบหน้าครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดในการเดินหน้าเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่กินเวลามาแล้วกว่าเจ็ดเดือน
นับว่าสงครามทางการค้าเป็นแรงส่งที่ช่วยผลักดันราคาน้ำมันตั้งแต่จุดเริ่มต้นเมื่อปี 2018 เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ภาพรวมอุปสงค์น้ำมันดิบของทั้งสองประเทศเกิดความคลุมเครือ ซึ่งทั้งสองประเทศถือว่าเป็นผู้อุปโภคน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดระดับโลก