🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

5 ปัจจัยเคลื่อนตลาดในคืนนี้: ผลประกอบการธนาคาร, ข้อมูลงาน PPI และน้ำมัน

เผยแพร่ 14/10/2564 17:44
© Reuters.
C
-
BAC
-
JPM
-
WFC
-
MS
-
LCO
-
ESZ24
-
CL
-
1YMZ24
-
NQZ24
-

โดย Geoffrey Smith 

Investing.com -- รายได้จากธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 4 แห่งของสหรัฐฯ จะแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อเป็นอย่างไร จากรายงานของ JPMorgan (NYSE:JPM) ว่าเป็นปัญหาวงกว้างในภาคส่วนนี้หรือไม่ อัตราเงินเฟ้อราคาผู้ผลิตคาดว่าจะแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี (หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีในประเทศจีนในชั่วข้ามคืน) ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นหลังมีจากคำเตือนจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ และตลาดชิปอิเล็กทรอนิกส์จะยังคงตึงตัวตลอดปี 2565 หนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกกล่าว 

และนี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในตลาดการเงินในคืนวันพฤหัสบดีนี้

1. รายได้ของธนาคาร 

ผลประกอบการของธนาคารมาถึงแล้วในวันนี้ หนึ่งวันหลังจาก JPMorgan ออกรายงานประจำไตรมาส ซึ่งออกมา "เกินความคาดหมาย"  

Citigroup (NYSE:C), Bank of America (NYSE:BAC) และ Wells Fargo (NYSE:WFC) ทั้งหมดจะรายงานก่อน และจะโดนตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อหาสัญญาณการเติบโตของสินเชื่อที่อ่อนแอ JPMorgan โบ้ยสัญญาณดังกล่าวไปที่ผู้บริโภคที่เริ่มระมัดระวังมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่ถูกคุกคามโดยโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า 

Morgan Stanley (NYSE:MS) จะรายงานผลประกอบการด้วยเช่นกัน และอาจทำผลงานได้ดีเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของตลาด M&A อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของ JPMorgan ยังบอกเป็นนัยว่าภาคธนาคารเริ่มชะลอตัวลง

2. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน PPI เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ, จีน

ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์จะทำให้เห็นถึงความคืบหน้าในตลาดแรงงาน การเรียกร้องเบื้องต้นสวัสดิการเบื้องต้นคาดว่าจะลดลงเหลือ 319,000 ตำแหน่งจาก 326,000 ตำแหน่งในสัปดาห์ที่แล้ว

ตัวเลขของสัปดาห์ที่แล้วบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังผ่านพ้นช่วงสงบนิ่งที่เกิดจากโควิด-19 ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งขณะนี้กำลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว หลังค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ 7 วันสำหรับผู้ป่วยรายใหม่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองเดือนในวันพุธ

สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ข้อมูลราคาผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่ครบกำหนดออกพร้อม ๆ กับ อัตราเงินเฟ้อราคาผู้ผลิต(PPI) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 8.3% ในเดือนสิงหาคม และตัวเลขจากส่วนอื่น ๆ ของโลกบ่งชี้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายน นักวิเคราะห์คาดอัตราจะอยู่ที่ 8.7%

สุนทรพจน์จาก โทมัส บาร์กิน จากธนาคารกลาง, แมรี ดาลี และ ราฟาเอล บอสติค อาจแสดงปฏิกิริยาต่อตัวเลขทั้งสองชุดในชั่วข้ามคืน อัตราเงินเฟ้อราคาผู้ผลิตในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 10.7% สูงสุดในรอบ 26 ปี

3 หุ้นเตรียมเปิดสูงขึ้นเพราะ TSM หนุนผู้ผลิตชิป

ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดสูงขึ้น ต่อยอดจากกำไรวันพุธ ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 210 จุด หรือ 0.6% ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.7% และ Nasdaq 100 เพิ่มขึ้น 0.8%.

ผู้ผลิตชิปดูเหมือนว่าจะได้รับการเสนอราคาที่ดีหลังจาก Taiwan Semiconductor Manufacturing ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกเผยว่า อุปทานจะยังคงตึงตัวตลอดปีหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าแรงกดดันด้านอุปทานและอุปสงค์จะลดลงในช่วงต้นปี 2565

4. กลุ่ม Think-tanks ของเยอรมันคาดการเติบโตลด อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในปี 2021-2022

ปัญหาการขาดแคลนชิปยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตทั่วโลก กลุ่ม Think-tanks ของเยอรมนีลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP เหลือ 2.4% จาก 3.7% ก่อนหน้านี้ โดยกล่าวโทษปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่กระจุกตัวอยู่ที่การขาดแคลนชิปสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ 

ที่อื่นในยุโรป กลุ่มอุตสาหกรรมของอิตาลี CNH กล่าวว่าจะปิดโรงงานหลายแห่งในยุโรปชั่วคราวเนื่องจากปัญหาเดียวกัน

สถาบันยังได้เพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีเป็น 3% ในปีนี้ และ 2.5% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 2.4% และ 1.7% ตามลำดับ ชี้ให้เห็นถึงความตึงเครียดครั้งใหม่ภายในธนาคารกลางยุโรป ซึ่งจนถึงขณะนี้ ปฏิเสธที่จะก้าวเข้าสู่ภาวะตึงตัวทางการเงิน ธนาคารกลางล่าสุดที่เข้าร่วมเทรนด์คือชิลี ซึ่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลัก 125 จุด เป็น 2.75% ในวันพุธ

5. ราคาน้ำมันปรับขึ้นอีกครั้ง หลัง IEA เตือนอุปทานตึงตัว ข้อมูล EIA ครบกำหนดประกาศ

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอีกครั้ง ขณะที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) ตอกย้ำข้อความที่คุ้นเคยว่าโควิด-19 ในช่วงฤดูร้อนค่อย ๆ หายไปและการยกเลิกล็อกดาวน์ในหลายส่วนของโลก ทำให้อุปสงค์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตร กำลังเพิ่มอุปทาน

“อุปสงค์จะแซงหน้าอุปทานอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2564” IEA กล่าวในรายงานประจำเดือน

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 1.1% มาอยู่ที่ 81.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้า น้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.1% ที่84.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจจากรายงานของสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา(API) ข้อมูลรายสัปดาห์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ครบกำหนดเวลา 21:30 นาฬิกา

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย