โดย Peter Nurse
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้
1. ตลาดหุ้นเตรียมเด้งกลับขึ้นมาหลังจากการเทขาย
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดบวกในวันนี้ หลังเกิดการเทขายครั้งใหญ่เมื่อวานนี้จากที่เคยปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 6:30 น. (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้า พุ่งขึ้น 587 จุดหรือ 2.3% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ดีดขึ้น 1.9% สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า บวกขึ้น 1.6%
เมื่อคืนนี้วอลล์สตรีทเกิดการเทขายอย่างเป็นวงกว้าง โดยดัชนี Dow ติดลบรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้สร้างความกังวลต่อการเปิดเศรษฐกิจ
ดัชนี อุตสาหกรรม Dow Jones ติดลบ 6.9% หรือ 1,861 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 5.9% ดัชนี Nasdaq Composite ติดลบ 5.3%
ดัชนีส่วนใหญ่ต่างก็เตรียมเปลี่ยนทิศทางจากที่ปรับตัวขึ้นมาแล้วเป็นเวลาสามสัปดาห์ โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ทรุดลงกว่า 7% แล้ว ส่วนดัชนี S&P 500 ดิ่ง 6% และ Nasdaq Composite ติดลบ 3%
2. เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรไม่สู้ดีนัก
เศรษฐกิจอังกฤษ ทรุดตัวลงเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายน หดตัวลงจากเดือนมีนาคมถึง 20.4% ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าค่อนข้างน่ากังวล เมื่อเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคยุโรป
เมื่อวานนี้ธนาคารกลางฝรั่งเศสได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสในระหว่างไตรมาสที่สองจะหดตัวลง 15% ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีในเดือนเมษายนก็ลดลงจากเดือนมีนาคม 17.9%
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ได้ออกมาเตือนเมื่อวันพุธว่า เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรกำลังมุ่งหน้าสู่ขาลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุด และคาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้จะทรุดตัวลง 11.5%
3. การรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจจำนวนมาก
ในวันนี้จะมีการรายงานดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจจำนวนมาก โดย ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากมิชิแกน จะมีกำหนดการรายงานออกมาในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1400 GMT)
คาดว่าในเดือนมิถุนายนดัชนีความเชื่อมั่นจะออกมาเท่ากับ 75 จากเดือนที่แล้ว 72.5 โดยความเชื่อมั่นน่าจะสูงขึ้นหลังจากธุรกิจบางส่วนเริ่มกลับมาเปิดทำการและเริ่มมีการผ่อนคลายข้อจำกัดในประเทศส่วนใหญ่
ก่อนหน้านั้นจะมีการรายงาน ดัชนีราคาสินค้านำเข้าซึ่งคาดว่าจะเท่ากับ 0.6% จากเดือนที่แล้วที่หดตัวลง 2.6%
ส่วน ดัชนีราคาสินค้าส่งออก ก็คาดว่าจะเท่ากับ 0.6% จากเดือนที่แล้วที่ลดลง 3.3%
โดยทั้งสองดัชนีจะรายงานออกมาในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
4. ราคาน้ำมันเตรียมปิดสัปดาห์ในแดนลบ
ราคาน้ำมันขยับหลายทิศทางในวันนี้หลังจากเกิดการเทขายเมื่อวานนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐ ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่สูงขึ้นก็สร้างความกังวลต่อการเกิดภาวะอุปทานน้ำมันเกินด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสตีเวน มนูชิน กลับระบุว่า สหรัฐไม่น่าจะปิดเศรษฐกิจอีกแม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงขึ้นอีก
ราคาน้ำมันเตรียมส่งมอบขาลงรายสัปดาห์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน โดยได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่สูงเป็นประวัติการณ์
ในวันนี้ตลาดจะหันไปให้ความสนใจกับจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์จาก Baker Hughes ซึ่งเป็นข้อมูลชี้วัดสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐ ขยับลง 0.2% เท่ากับ $36.26 ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาเบรนท์ ดีดขึ้น 0.2% เท่ากับ $38.61 ต่อบาร์เรล
5. ถึงเวลาขายหุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) แล้วหรือยัง
ช่วงปีที่ผ่านมา Tesla เป็นหนึ่งในหุ้นยอดนิยมในวอลล์สตรีทและทะยานขึ้นมาแล้วถึง 145% ในปีนี้ และจึงส่งผลให้ Tesla เป็นหุ้นที่ทำผลงานได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ในดัชนี Nasdaq
เมื่อวันพุธหุ้น Tesla ทะลุระดับ $1,000 เป็นครั้งแรก ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทเท่ากับ 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เกือบเท่ากับ Toyota ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ทว่าตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ผู้ลงทุนควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนเกี่ยวกับการถือครองหุ้น ซึ่งธนาคารผู้ดูแลด้านการลงทุนหลายรายก็คิดเช่นนั้น
Morgan Stanley (NYSE:MS) ได้ลดการจัดอันดับหุ้น Tesla เหลือต่ำกว่าตลาดในช่วงครึ่งแรกของวันนี้ โดยให้เหตุผลว่าราคาหุ้นที่สูงขึ้นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงอยู่ เช่น ปัจจัยเสี่ยงจากการลดราคายานพาหนะในจีนและสหรัฐ
Goldman Sachs (NYSE:GS) ก็ลดขนาดการลงทุนในบริษัทเหลือระดับกลางภายในระยะเวลา 12 เดือนเช่นกันเนื่องจากการประเมินมูลค่าเกินจริง แต่ทางธนาคารก็ยังคงมีมุมมองในแง่บวกต่อหุ้นของบริษัทในระยะยาว
บทความห้ามพลาด
Bank of America เผยผู้ลงทุนหลั่งไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนตราสารทุน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก ถอยมารับ หรือ ถอยมาทับ?
เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้