Investing.com - ภาพรวมของห้าเหตุการณ์สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
1. มติของธนาคารกลางสหรัฐฯ
เฟดจะสรุป การประชุมนโยบายทางการเงิน ในวันพุธนี้ แม้ตลาดจะเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงเดิมจากการประชุมเมื่อครั้งเดือนมีนาคมที่เฟดเผยว่า จะหยุดการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปีนี้เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง
ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ จะให้คำกล่าวในงานแถลงข่าวภายหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้น โดยผู้ลงทุนต่างก็เฝ้าจับตาเพื่อทราบทัศนะล่าสุดของเขาต่อภาพรวมนโยบายทางการเงิน
การประชุมเฟดจัดขึ้นหลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจเมื่อวันศุกร์ได้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกเกิดการขยายตัวเกินคาด ทว่าการขยายตัวดังกล่าวก็ได้รับแรงหนุนอย่างมากจากตัวเลขทางการค้าและปริมาณสินค้าคงคลังที่ออกมาดีแต่อาจแผ่วปลายในที่สุด
“ขณะนี้มีปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจหลายประการ ที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ส่งผลอย่างต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่สอง ฉะนั้นเราจึงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในปีนี้แน่หากมีความคืบหน้าที่น่าพอใจจากการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ” ING เผย “ถึงแม้เราจะไม่คาดหวังให้เฟดเพิ่มดอกเบี้ยในปีนี้ แต่เราเชื่อว่าเฟดก็ไม่น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ววันนี้อีกเช่นกัน”
ทางด้าน ธนาคารกลางอังกฤษ ก็มีแนวโน้มว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้อันเนื่องมาจากความยืดเยื้อของ Brexit
2. รายงานจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ในวันศุกร์นี้มีกำหนดการรายงานอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ในสัปดาห์นี้ โดยเหล่านักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าอัตราการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 181,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานคาดว่าจะคงตัวอยู่ที่ 3.8% ดังเดิม เมื่อเดือนมีนาคมสหรัฐฯ มีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นมา 196,000 ตำแหน่ง พลิกฟื้นจากเดือนก่อนหน้าที่มีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นมาเพียง 33,000 ตำแหน่ง
ING ระบุว่า “ในแง่ของข้อมูลทางเศรษฐกิจนั้น เราเชื่อว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะได้รับแรงกระตุ้นจากแดนบวกของตลาดหุ้น รวมถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของตลาดแรงงานซึ่งจะแสดงออกมาในรูปแบบของอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง และการเติบโตของอัตราค่าจ้างครั้งใหม่หลังจากที่เคยดิ่งลงเกินคาดเมื่อเดือนก่อน”
3. การรายงานผลประกอบการ
ในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ลงทุน เนื่องจากมีบรรดาบริษัทกว่า 150 บริษัทจากดัชนี S&P 500 ที่มีกำหนดรายงานผลประกอบการ
บริษัทแม่ของ Google นั่นก็คือ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) มีกำหนดการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกในช่วงเวลาหลังตลาดปิดวันจันทร์ ส่วน Apple (NASDAQ:AAPL) บริษัทผู้ผลิต iPhone ก็จะประกาศผลประกอบการหลังเวลาซื้อขายในวันอังคารนี้
ปฏิทินการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ยังประกอบไปด้วยบริษัทเภสัชกรรม Merck (NYSE:MRK) และ Pfizer (NYSE:PFE), รวมถึง General Motors (NYSE:GM), Volkswagen (DE:VOWG_p), Fiat Chrysler (MI:FCHA), Royal Dutch Shell (LON:RDSa), BP (LON:BP), ConocoPhillips (NYSE:COP), Samsung (KS:005930), General Electric (NYSE:GE), McDonald’s (NYSE:MCD), Adidas (DE:ADSGN), Mondelez (NASDAQ:MDLZ), Pfizer (NYSE:PFE), Qualcomm (NASDAQ:QCOM), CBS (NYSE:CBS), HSBC (NYSE:HSBC), Berkshire Hathaway (NYSE:BRKa) และ Mastercard (NYSE:MA)
4. การเจรจาทางการค้าจีน-สหรัฐฯ
การเจรจาทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ครั้งใหม่จะเริ่มต้นขึ้นในวันพุธนี้ ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสตีเวน มนูชิน และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ที่จะเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่ง ล่วงหน้าก่อนจะมีการเจรจาอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไปที่สหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เน้นย้ำว่าการเจรจาทางการค้ากับจีนนั้น "กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี" หนึ่งวันต่อมาหลังจากที่เขาเผยว่าจะเชิญประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง ให้มาเยือนทำเนียบขาว และทรัมป์คาดหวังที่จะสรุปข้อตกลงในการพบปะกับนายสี
เหล่าประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทั้งสองอันดับของโลก ต่างก็ติดพันกับความขัดแย้งเกี่ยวกับภาษีศุลกากรมาเกือบสิบเดือนแล้ว โดยที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายต่างก็เรียกเก็บภาษีสินค้าของกันและกันเป็นมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจึงกำลังหาหนทางเพื่อยุติข้อขัดแย้งดังกล่าว
5. ข้อมูลทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่น่าจับตา
ดัชนี PMI ภาคการผลิต และ นอกภาคการผลิต ของจีนที่จะเผยออกมาในวันอังคารนี้เป็นที่น่าจับตาเพื่อสังเกตสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดบางประการได้ช่วยคลี่คลายความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง
สหรัฐฯ มีกำหนดการรายงานข้อมูล รายได้ส่วนบุคคล กับ รายจ่ายส่วนบุคคล ในวันจันทร์นี้ และคาดว่ารายได้จะออกมามากกว่ารายจ่าย นอกจากนี้สหรัฐฯ ก็จะรายงานข้อมูลยอดขายสินค้ายานยนต์, ยอดรอขายบ้าน, ดัชนี ภาคการผลิต และ นอกภาคการผลิต จาก ISM รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อีกด้วย
ทั้ง ยูโรโซน กับ แคนาดา ก็จะรายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำไตรมาสแรกในวันอังคารนี้ และฝั่งยูโรปก็จะรายงานตัวเลขการประเมิน อัตราเงินเฟ้อ เบื้องต้นประจำเดือนเมษายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์