ธนาคารในสหรัฐฯ กําลังประสบกับผลกําไรในไตรมาสที่สองที่ลดลงเนื่องจากความต้องการสินเชื่อที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นที่พวกเขาจ่ายเพื่อรักษาเงินฝาก แรงกดดันทางการเงินนี้เป็นผลโดยตรงจากมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งได้ยกระดับอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานให้อยู่ในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2008
เมื่อวันพุธ ธนาคารหลายแห่ง รวมถึง Citizens Financial (NYSE:CFG), US Bancorp (NYSE:USB), First Horizon (NYSE:FHN) และ Synchrony Financial (NYSE:SYF) รายงานว่าพวกเขาจ่ายอัตราเงินฝากของลูกค้าที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้นนี้บ่งชี้ถึงความท้าทายที่ธนาคารต้องเผชิญในขณะที่พวกเขารับมือกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
แม้จะมีอุปสรรคเหล่านี้ แต่กลุ่มวาณิชธนกิจก็ให้ซับในสีเงิน ตัวอย่างเช่น Citizens Financial มีค่าธรรมเนียมตลาดทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก 63% โดยได้รับแรงหนุนจากการรับประกันภัยตราสารหนี้และการให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้ผู้บริหารองค์กรแสวงหาเงินทุนผ่านการขายพันธบัตร ซึ่งส่งผลให้ธนาคารเพื่อการลงทุนที่จัดการธุรกรรมเหล่านี้มีกําไร
แม้แต่สถาบันขนาดใหญ่ เช่น JPMorgan Chase (NYSE:JPM), Citigroup และ Bank of America ก็พบว่าการดําเนินงานวาณิชธนกิจของตนทํากําไรได้ในช่วงไตรมาสที่สอง การเพิ่มขึ้นของธุรกิจนี้สะท้อนให้เห็นในผลการดําเนินงานของดัชนีการธนาคาร โดยดัชนีการธนาคารระดับภูมิภาคของ KBW แตะจุดสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี และดัชนีธนาคาร S&P 500 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความกังวลยังคงมีอยู่เกี่ยวกับสุขภาพของพอร์ตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของธนาคาร ปัญหาล่าสุดเกี่ยวกับสินเชื่อ CRE ที่ผู้ให้กู้ในภูมิภาค เช่น New York Community Bancorp (NYSE:NYCB) และ First Foundation (NYSE:FFWM) ได้ดึงดูดความสนใจไปที่ศักยภาพของการผิดนัดชําระหนี้ การทดสอบความเครียดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเน้นย้ําถึงช่องโหว่ในสินเชื่อบัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารถือสินเชื่อองค์กรที่ไม่ใช่ระดับการลงทุนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีโอกาสผิดนัดชําระหนี้สูงกว่า
ในการพัฒนาเชิงบวกมากขึ้น Washington Federal (NASDAQ:WAFD) รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้สําหรับไตรมาสที่สามในวันอังคาร หลังจากประสบความสําเร็จในการขายสินเชื่อหลายครอบครัวมูลค่า 2.8 พันล้านดอลลาร์โดยไม่ขาดทุนเมื่อเกือบหนึ่งเดือนที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในภาคการธนาคารท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจในวงกว้าง
รอยเตอร์มีส่วนร่วมในบทความนี้บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน