โดย Ambar Warrick
Investing.com - หุ้นจีนพุ่งขึ้นนำทั่วตลาดเอเชียในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนเชื่อในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดยรัฐบาลเพื่อลดแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากข้อจำกัดของโควิด19 ขณะที่ TSMC ของไต้หวันพุ่งขึ้นหลังจาก Berkshire Hathaway เปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท
ดัชนีหุ้นบลูชิพ CSI 300 ของจีนพุ่งขึ้น 1.7% ขณะที่ดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 1.4% ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงยังคงทำผลงานที่ดีกว่าในตลาดเอเชีย โดยเพิ่มขึ้น 3.3% และตอนนี้ใกล้ที่จะยืนยันว่าเป็นตลาดกระทิงเพราะเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปีในเดือนตุลาคม
ธนาคารกลางจีนคงอัตราดอกเบี้ยไว้คงที่ในวันอังคาร แต่ได้อัดฉีดเงินสภาพคล่องจำนวนมากเข้าสู่ตลาดเนื่องจากต้องดิ้นรนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้ผ่านการเติบโตที่ชะลอตัว
ข้อมูล ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม และ ดัชนียอดขายปลีก ของจีนที่อ่อนแอซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคารยังเพิ่มความหวังว่ารัฐบาลจะออกมาตรการใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการเติบโต หุ้นจีนดีดตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลคลายมาตรการกักกันและควบคุมการเคลื่อนไหวบางส่วนภายใต้นโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวด
แต่เนื่องจากขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 6 เดือน โอกาสในการผ่อนปรนข้อจำกัดเพิ่มเติมจึงดูริบหรี่ แต่สิ่งนี้อาจทำให้เกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐมากขึ้น
หุ้นของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Corp (TW:2330) หรือที่เรียกว่า TSMC พุ่งขึ้นกว่า 4% หลังจาก Berkshire Hathaway Inc ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (NYSE:BRKa) เปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้นกว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ ในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศช่วยให้ดัชนี Taiwan Weighted ปรับขึ้นเกือบ 3%
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังส่งผลดีต่อหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ในตลาดเอเชีย โดยหุ้นในฮ่องกงและเกาหลีใต้ได้แรงหนุนมากที่สุด
แต่ตลาดเอเชียในวงกว้างกลับผันผวนตามสัญญาณแข็งกร้าวจาก ลาเอล เบรนาร์ด รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ได้กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารกลางจะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ขนาดน้อยลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ก็ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว
ความคิดเห็นของลาเอลระบุว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้ และคาดว่าจะเกินระดับที่เคยเห็นในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 สถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดเอเชีย
ดัชนี นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นทรงตัวหลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก หดตัวอย่างไม่คาดคิดในไตรมาสที่สาม ซึ่งน่าจะบ่งชี้ถึงแรงกดดันมากขึ้นต่อหุ้นในประเทศ
ดัชนี Nifty 50 ของอินเดียลดลง 0.1% ในขณะที่ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.1%