แองโกลอเมริกันก้าวหน้าด้วยการขายสินทรัพย์ถ่านหิน

แองโกลอเมริกัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ข้ามชาติ ได้ว่าจ้างบริการของ Goldman Sachs, Morgan Stanley และ Centerview Partners เพื่ออํานวยความสะดวกในการขายถ่านหินสําหรับการผลิตเหล็ก

นักวิเคราะห์ประเมินว่าสินทรัพย์ซึ่งรวมถึงเหมืองถ่านหินที่ใช้งานอยู่ห้าแห่งพร้อมกับโครงการพัฒนาและการร่วมทุนในออสเตรเลียมีมูลค่าสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ การย้ายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ใหญ่ขึ้นของบริษัทในการปรับปรุงการดําเนินงานและมุ่งเน้นไปที่การลงทุนที่ทํากําไรได้มากขึ้น

การขายกําลังเกิดขึ้นหลังจากความพยายามเข้าซื้อกิจการที่ไม่ประสบความสําเร็จโดย BHP คู่แข่งในอุตสาหกรรม Duncan Wanblad ซีอีโอระบุในเดือนพฤษภาคมว่าแผนการขายกิจการของ บริษัท ใกล้เข้ามาแล้วโดยกําหนดเป้าหมายไม่เพียง แต่สินทรัพย์ถ่านหินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแยกการดําเนินงานแพลตตินั่มของแอฟริกาใต้และการขายหรือปิดสินทรัพย์นิกเกิลควบคู่ไปกับการควบรวมกิจการหรือการขายธุรกิจเพชร De Beers แองโกลอเมริกันตั้งเป้าที่จะให้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ดําเนินไปได้ด้วยดีภายในสิ้นปี 2025

แม้จะมีแผนเหล่านี้ แต่เหมือง Grosvenor ของแองโกลอเมริกันในควีนส์แลนด์ออสเตรเลียกําลังเผชิญกับผลพวงของไฟไหม้ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน เหตุการณ์ดังกล่าวจําเป็นต้องมีการประเมินความเสียหายอย่างละเอียด และคาดว่าเหมืองจะยังคงปิดอยู่เป็นเวลาหลายเดือน การหยุดชะงักนี้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งเวลาและการประเมินมูลค่าการขายสินทรัพย์ถ่านหิน

เหมือง Grosvenor ซึ่งคิดเป็นประมาณ 30% ของมูลค่าธุรกิจถ่านหินสําหรับการผลิตเหล็กของแองโกลตามข้อมูลของ Jefferies คาดว่าจะผลิตถ่านหินโลหะ 3.5 ล้านตันในปี 2024 คิดเป็น 17% ของผลผลิตถ่านหินของบริษัท โดยมีปริมาณการผลิต 2.797 ล้านตัน

บริษัท ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ส่งออกถ่านหินโลหะรายใหญ่อันดับสามของโลกเคยประสบกับความท้าทายที่เหมือง Grosvenor ในอดีต การปิดเหมืองเกิดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากการระเบิดในเดือนพฤษภาคม 2020 ซึ่งทําให้คนงานได้รับบาดเจ็บห้าคนและนําไปสู่การสอบสวนของรัฐบาลเนื่องจากปัญหาที่สอดคล้องกันของเหมืองเกี่ยวกับระดับก๊าซมีเทน มีการใช้มาตรการความปลอดภัยในภายหลัง และไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ล่าสุด

สําหรับตลาดถ่านหินโลหะวิทยา ราคามีความผันผวนอย่างมาก โดยแตะระดับสูงสุดที่ 635 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนมีนาคม 2022 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานทั่วโลกหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร ราคาอยู่ที่ประมาณ 250 ดอลลาร์ต่อตัน

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน