โดย Ambar Warrick
Investing.com - หุ้นจีนพุ่งขึ้นในวันศุกร์ เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องว่าจีนมีแผนที่จะปรับลดข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด19 แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะแสดงออกว่าไม่มีความเป็นไปได้ต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว
ดัชนีหุ้นบลูชิพของจีน CSI 300 พุ่งขึ้น 2.7% ในขณะที่ดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต พุ่งขึ้น 2.1% ทั้งคู่ซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์
ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นเช่นกันและดัชนี ฮั่งเส็ง พุ่งขึ้นเกือบ 5.5%
กำไรที่เพิ่มขึ้นในวันศุกร์ทำให้ดัชนีทั้งสามอยู่ในกรอบขาขึ้นที่จะสิ้นสุดสัปดาห์ระหว่าง 5% ถึง 10% ซึ่งเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบสองปี ค่าเงิน หยวน ยังได้รับประโยชน์จากข่าวลือดังกล่าว โดยเพิ่มขึ้น 0.6% ต่อดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงิน หยวนนอกประเทศ พุ่งขึ้นกว่า 1%
ข่าวลือใหม่ที่ไม่ได้รับการยืนยันได้เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของศูนย์ควบคุมโรคของจีนแนะนำว่านโยบายปลอดโควิดของปักกิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในไม่ช้า ข่าวลือล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการเปิดประเทศครั้งใหม่จะเกิดขึ้นเร็วกว่าเส้นเวลาที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม 2023
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเผยแพร่บันทึกที่ไม่ได้รับการยืนยันเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อพิจารณาการปรับลดนโยบายโควิดที่เป็นศูนย์ ซึ่งจะทำให้ลดการตรวจหาเชื้อ ระยะเวลากักกัน และส่งผลให้เปิดพรมแดนในที่สุด
แต่ทางการจีนปฏิเสธว่าไม่มีการเคลื่อนไหวดังกล่าวอยู่แผนดำเนินงานที่เกี่ยวกับโควิด19
ถึงกระนั้น นักลงทุนจีนก็ดูเหมือนจะกระตือรือร้นที่จะตอบรับสัญญาณบวกใด ๆ หลังจากตลาดหุ้นตกต่ำในปีนี้ ดัชนีหุ้นบลูชิพของจีนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองปีในเดือนตุลาคม ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปี
นโยบายปลอดโควิดเป็นหัวใจสำคัญของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ เนื่องจากกิจกรรมภาคพื้นดินที่ต้องหยุดชะงักลง
แต่จนถึงขณะนี้ ปักกิ่งไม่ได้แสดงแนวโน้มที่จะลดความเข้มงวดของนโยบายดังกล่าว โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพิ่งย้ำถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการดำเนินการดังกล่าว
จีนกำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิดที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยศูนย์กลางเมืองใหญ่ ๆ เช่น เซี่ยงไฮ้และหวู่ฮั่นเห็นการแพร่กระจายแบบทวีคูณของการติดเชื้อ
สิ่งนี้กระตุ้นให้มีการนำมาตรการควบคุมโควิดกลับมาใช้ใหม่ และอาจส่งผลให้มีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นหากสถานการณ์เลวร้ายลง