ลด 50%! ชนะตลาดในปี 2025 ด้วย InvestingProรับส่วนลด

หุ้นเอเชียร่วง หลังเฟดคงท่าทีแข็งกร้าว

เผยแพร่ 07/10/2565 12:58
© Reuters.
AXJO
-
JP225
-
KS11
-
TWII
-

โดย Ambar Warrick 

Investing.com – ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงในวันศุกร์เนื่องจากความกลัวว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้นก่อนรายงานข้อมูลแรงงานที่สำคัญของสหรัฐฯ แม้ว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะได้รับผลกำไรรายสัปดาห์หลังจากฟื้นตัวจากการขาดทุนอย่างมากในเดือนกันยายน

ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ร่วงลงระหว่าง 0.3% ถึง 1.4% โดยที่ ดัชนี Taiwan Weighted นำการขาดทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโยลีกลับมาถดถอยหลังจากสัญญาณความเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หนุนค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร

ดัชนีต่าง ๆ ในตลาดวอลล์สตรีทอ่อนตัวลงและส่งผลต่อตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยสิ้นสุดเซสชั่นที่ผันผวนต่ำกว่าในวันพฤหัสบดีเนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น

ปริมาณการซื้อขายในเอเชียเคลื่อนไหวต่ำเพราะวันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ในประเทศจีน แต่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ถูกกำหนดให้ทำกำไรในสัปดาห์นี้ เนื่องจากสินทรัพย์ส่วนใหญ่ฟื้นตัวจากการทำผลงานรายเดือนแย่ที่สุดตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโควิด19 ในเดือน มีนาคม 2020

ASX200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเกือบ 5% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบกว่าสองปีหลังจากที่ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนไปยังตลาด

ดัชนี นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นร่วงลง 0.7% และเพิ่มขึ้น 4.5% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกิจกรรมภาคการบริการที่ปรับตัวดีขึ้น และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกที่ออกมาดีเกินคาดชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น

แต่ยังคงมีแรงต้านอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลดลง ข้อมูลในวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนในญี่ปุ่นหดตัวลงในเดือนสิงหาคม

ดัชนีหุ้นบลูชิพ Nifty 50 ของอินเดียร่วงลง 0.4% โดยบรรยากาศในตลาดของประเทศแย่ลงหลังจากค่าเงินรูปีแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางรายใหญ่หลายแห่งเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่ดำเนินนโยบายแบบผ่อนปรนมาถึงสองปี

ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดในวันศุกร์นี้ คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อแผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด สัญญาณของความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงานคาดว่าจะทำให้ธนาคารกลางมีพื้นที่เพียงพอที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ขณะนี้เทรดเดอร์กำลังกำหนดราคาในโอกาส 73% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 จุดพื้นฐานในการประชุมครั้งต่อไป ธนาคารกลางได้ส่งสัญญาณแล้วว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะสิ้นสุดในปีที่สูงกว่า 4% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย