Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ทรงตัวในช่วงเย็นวันพุธ หลังจากวอลล์สตรีทปิดในแดนลบ เนื่องจากรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอและความกังวลเรื่องกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
นักลงทุนมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายงานที่เปรียบเสมือนมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญเป็นพิเศษซึ่งสร้างความกังวลต่ออารมณ์การลงทุน
ปริมาณการซื้อขายก็ยังอยู่ในระดับต่ำและคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เนื่องจากวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้นเล็กน้อยมาที่ 6,017.75 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 20,819.50 จุด ณ เวลา 08:25 น. (GMT+7) ด้าน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้นไม่ถึง 0.1% มาอยู่ที่ 44,852.0 จุด
หุ้นเทคฯ ถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอและปัญหา Microsoft กับ FTC
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกดดันตลาดวอลล์สตรีทในวันพุธ โดยเฉพาะหลังจากรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอหลายฉบับที่สร้างคำถามเกี่ยวกับบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ในการผลักดันรายได้ของอุตสาหกรรม
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง Dell Technologies Inc (NYSE:DELL) และ HP Inc (NYSE:HPQ) ต่างร่วงลงอย่างหนักหลังจากผลประกอบการและแนวโน้มรายได้ของพวกเขาที่น่าผิดหวัง เนื่องจาก AI ช่วยเพิ่มกำไรได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การลดลงของหุ้นทั้งสองยังส่งผลกระทบไปถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI อื่น ๆ เช่น NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) ที่ลดลง 1.2%
Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาด โดยหุ้นลดลงถึง 1.2% หลังจาก Bloomberg รายงานว่าคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) ได้เริ่มการสอบสวนการผูกขาดอย่างครอบคลุมต่อบริษัทดังกล่าว โดยหุ้น Microsoft ลดลงอีกต่อเนื่องในช่วงการซื้อขายหลังตลาด
ข่าวการสอบสวนของ Microsoft เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทางการสหรัฐฯ แนะนำให้บริษัท Alphabet Inc (NASDAQ:GOOGL) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีขายทรัพย์สินบางส่วน รวมถึงเบราว์เซอร์ Google Chrome เนื่องจากละเมิดกฎหมายการผูกขาด เหตุการณ์เหล่านี้ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ แม้ว่านโยบายในรัฐบาลสมัยที่สองของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่ชัดเจนก็ตาม
ความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยกดดันวอลล์สตรีทหลังข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ดัชนีในวอลล์สตรีทร่วงลงในวันพุธ หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหลายรายการทำให้นักลงทุนยังคงสงสัยเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต อย่างไรก็ตาม การขาดทุนโดยรวมยังคงอยู่ในระดับจำกัด และวอลล์สตรีทยังคงอยู่ใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐทำให้เกิดการซื้อขายในหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.4% มาเป็น 5,988.74 จุด ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต ลดลง 0.6% เป็น 19,061.78 จุด และ ดาวโจนส์ ลดลง 0.3% เป็น 44,722.06 จุด
ข้อมูล ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ก็เพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมาย 2% ต่อปีของธนาคารกลาง
ข้อมูล การขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ นั้นยังออกมาดีกว่าที่คาดเล็กน้อย ขณะที่ตัวเลข GDP ในไตรมาสที่สามที่ปรับปรุงใหม่นั้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะเปิดโอกาสให้เฟดมีเวลามากขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ย โดยรายงานการประชุมของเฟดในเดือนพฤศจิกายนที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายยังคงสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป