InfoQuest - นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัดต่อเนื่อง เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่แกว่งตัวออกด้านข้าง โดย SET น่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาประคองเอาไว้หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีรับคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัว และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ายังเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดฯ ยังคงไปไหนได้ไม่ไกล เนื่องจากนักลงทุนรอดูเงินเฟ้อสหรัฐในคืนวันนี้ และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.นี้
ให้แนวรับไว้ที่ 1,490 จุด และแนวต้าน 1,510 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,261.42 จุด เพิ่มขึ้น 317.02 จุด หรือ +0.93%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,439.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.73 จุด หรือ +0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,760.70 จุด เพิ่มขึ้น 75.22 จุด หรือ +0.55%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,797.01 จุด เพิ่มขึ้น 137.18 จุด หรือ +0.74%, ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,220.38 จุด ลดลง 0.99 จุด หรือ -0.03% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,280.05 จุด เพิ่มขึ้น 76.48 จุด หรือ +0.24% แต่หลังจาก 15 นาทีแรกดัชนีลดลง 46.68 จุด หรือ -0.14% สู่ระดับ 32,156.89 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ค.66) 1,496.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด (+0.00%) มูลค่าซื้อขาย 34,188.57 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 483.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(11 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.52% ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ค.) อยู่ที่ 5.47 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.68 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค เกาะติดเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้-โหวตนายกฯพรุ่งนี้
- กกต.ยันมีอำนาจยื่นศาล รธน.วินิจฉัย "พิธา" ถือหุ้นสื่อ นัดสรุปครั้งสุด ท้าย 12 ก.ค.นี้ "วันนอร์" ถกวิป 3 ฝ่าย เคาะเริ่มโหวตนายกฯ 5 โมงเย็น 13 ก.ค. แบ่งเวลาอภิปราย ส.ส. 4 ชม. และ ส.ว. 2 ชม. ขอพรรคการเมืองดึงสติมวลชนอย่าวุ่นวาย "ชัยธวัช" โวยคนส่งข้อความขู่ ส.ว.หนุนก้าวไกลพร้อมเสนอผลประโยชน์ "พิธา" พ้อไม่ควรต้องมาลุ้น ส่งสารถึง "ส.ส.-ส.ว." ขอโอกาสประเทศเดินหน้า "8 พรรค" หารือมอบ "พท." ชงชื่อนายกฯ พิธา "ชลน่าน" เผย "ก.ก." ไม่แจงได้เสียง ส.ว.เท่าไหร่ บอกแค่พยายาม "หญิงหน่อย" ไขก๊อก ส.ส. "พรรค รบ.เดิม" ประสานเสียงไม่เอาพวกแก้ 112 ย้ำชัดไม่ส่งใครชิงนายกฯ
- "อานนท์" ขู่รัฐสภาไม่โหวต "พิธา" เป็นนายกฯ เป็นฟางเส้นสุดท้ายให้เกิดกลียุค ม็อบขึ้นเป็นดอกเห็ดเทียบปี 63 เชื่อเขาจะโหวตให้ประเทศเดินหน้าไปก่อน เช็กบิลฝ่ายประชาธิปไตยทีหลัง ขณะที่ 13 ก.ค.นี้ มวลชนมาแบบออร์แกนิกเพื่อให้กำลังใจ และฝากเตือนไม่อยากสร้างเงื่อนไขปะทะกับทหาร
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ห่วงการเมืองฉุดจีดีพีไทยเหลือ 2.0-2.5% หวั่นตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ มีความรุนแรง ส่งผลลงทุนเอกชนโต 2% ชี้โจทย์ใหญ่ รัฐบาลใหม่เร่งแก้หนี้ครัวเรือนเรื้อรัง ห่วงเอลนีโญ่รุนแรงกระทบเกษตร 4.8 หมื่นล้าน สำนักงบฯ ชี้ยื้อเลือก นายกฯ ถึง ส.ค.กระทบงบประมาณปี 2567 ล่าช้า เผยงบกลางปี 2566 เหลือแค่ 1 หมื่นล้านบาท
- ครม.เคาะปิดฉากใช้ภาษีสรรพสามิตดูแลราคาดีเซล สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.นี้ ส่งผลให้ราคาขยับขึ้นลิตรละ 5 บาททันที เผยให้ใช้มาตรการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรักษาเสถียรภาพราคาแทน "พลังงาน" นัดถก กบน. สัปดาห์หน้า ลุ้นตรึงราคาต่อ ส่วนโซลาร์ภาคประชาชน โยนรัฐบาลใหม่เคาะ
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (ฟินันเซียไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 240 บาท Consensus คาดกำไรไตรมาส 2/66 ที่ 7.2 พันลบ. +7% q-q, +10% y-y หนุนจากรายได้ที่เติบโตหลักๆจาก ARPU ที่ดีขึ้นตามการแข่งขันที่ลดความรุนแรงลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตลาดชะลอตัว Consensus คาดกำไรสุทธิปี 66 ที่ราว 2.8-2.9 หมื่นลบ. +13% y-y เติบโตแข็งแกร่งและกลับสู่โหมดการทำกำไรอีกครั้ง ส่วน Dividend Yield คาดจ่ายราว 4% ต่อปี
- WHA (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.90 บาท ทำยอดขายที่ดินได้ดีต่อเนื่อง ลุ้นกำไรปี 66 ดีกว่าเป้า แนวโน้มปี 66-67 สดใส WHA เป็นนิคมหลักที่ผู้ประกอบการธุรกิจ New S Curve อาทิ EV เข้ามาจองซื้อที่ดิน คาดบริษัทมีโอกาสปรับเป้า Presale เป็น 2 พันไร่ จากเดิมที่ 1.75 พันไร่ รายได้กลุ่ม Recurring จะโตตามการลงทุนและ Operation ในนิคมที่กำลังเร่งตัว ด้าน Gross Margin ปี 66-67 ประเมินที่ 46.5% และ 46.3% เทียบกับปี 65 ที่ 44.7% ตามลำดับ ประเมินกำไรสุทธิปี 66-67 ที่ 4 พัน ลบ. และ 4.78 พัน ลบ. -1%YoY และ +20%YoY ตามลำดับ
- SCGP (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 42 บาท ประเมินราคาหุ้นปรับลดลงมาก สะท้อนปัจจัยลบต่างๆไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรไตรมาส 2/66 จะเริ่มทรงตัว QoQ (ผ่านจุดต่ำสุด) และเริ่มการฟื้นตัวแบบไตรมาสต่อไตรมาสได้ใน 3Q-4Q จากต้นทุนลดลงและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค