InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (26 ก.ย.) เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนทำให้หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราปรับตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 447.70 จุด ลดลง 2.74 จุด หรือ -0.61% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 11 สัปดาห์
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,074.02 จุด ลดลง 49.86 จุด หรือ -0.70%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,255.87 จุด ลดลง 149.62 จุด หรือ -0.97% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,625.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.73 จุด หรือ +0.02%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 2.0% ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 1.9% จากการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐและยุโรปจะยังไม่ลดลงเร็ว ๆ นี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ 2.796% หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ 2.813% ในการซื้อขายช่วงเช้า ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีแตะ 4.5660% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2550
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราร่วงลงมากถึง 20.05% จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค. โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอชและหุ้นริชมอนด์ ร่วงลง 1.4% และ 3.0% ตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังในจีนและยอดขายที่ลดลงในสหรัฐ
ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณว่า ใกล้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น
หุ้นเอซอส ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ของอังกฤษ ร่วง 1.5% หลังรายงานยอดขายไตรมาส 4 ลดลง 15% และคาดการณ์ผลประกอบการที่ราวระดับต่ำของช่วงคาดการณ์