โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนี S&P 500 ร่วงลงในวันพุธ จากสัญญาณของความอ่อนแอในตลาดแรงงานซึ่งทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางยังคงส่งสัญญาณว่ามาตรการนโยบายการเงินแบบง่ายจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า
S&P 500 ลดลง 0.5% ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 0.1% และ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.9% หรือ 323 จุด
ดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากขึ้นที่จะต้องกังวลในตลาดแรงงาน เนื่องจากการจ้างงานภาคเอกชนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ADP รายงานว่าการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 330,000 ในเดือนกรกฎาคม น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของที่คาดการณ์ไว้ 690,000
ตัวเลขจ้างงานจะได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า การเพิ่มการจ้างงานยังคงมีหนทางกลับไปถึงระดับก่อนเริ่มเกิดโรคไวรัสโควิดระบาด แต่ในที่สุดก็จะไปถึงเป้าหมายการจ้างงานสูงสุดของธนาคารกลาง
“จากมุมมองนี้และตราบใดที่การคาดการณ์เงินเฟ้อยังคงยึดไว้ที่เป้าหมายระยะยาว 2% … การเริ่มนโยบายปกติในปี 2566 ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้จะสอดคล้องกับกรอบการกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อใหม่ของเราทั้งหมด” คลาริดา บอกกับสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ในการสัมนาออนไลน์ของ CNBC
ข้อมูลงานที่อ่อนแอเกินคาดมาเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่จะครบกำหนดประกาศในวันศุกร์ และหุ้นวัฏจักร รวมทั้งกลุ่มพลังงาน และอุตสาหกรรม
พลังงานเป็นภาคที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุด โดยลดลงมากกว่า 2% จากราคาน้ำมันที่ร่วงลงตามข้อมูลรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในสัปดาห์ที่แล้ว
คลังน้ำมันเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ค. สวนทางทางกับการดึงมาใช้ 3.1 ล้านบาร์เรล
ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลต้า ได้กระตุ้นให้นักลงทุนบางรายระมัดระวังตัว เนื่องจากบางบริษัทกลับไปใช้มาตรการเดิมจากปีที่แล้ว
“บางบริษัท เช่น Target (NYSE:TGT) กำลังปรับใช้หน้ากากสำหรับพนักงาน รวมถึง Tyson Foods (NYSE:TSN), Microsoft (NASDAQ: MSFT) และ The Walt Disney Company (NYSE:DIS) กำลังดำเนินการตามข้อกำหนดด้านวัคซีน ในขณะเดียวกัน NYC จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้านอาหาร โรงยิม และกิจกรรมอย่างโรงภาพยนตร์” Stifel กล่าวในหมายเหตุ
ในข่าวอื่นๆ Robinhood Markets Inc (NASDAQ:HOOD) พุ่งขึ้น 48% กลายเป็นหนึ่งในหุ้น IPO ที่ร้อนแรงตัวล่าสุด