โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้
1. สมาชิกเฟดให้คำกล่าว
สมาชิกอาวุโสจากเฟด 4 ท่านจะมีกำหนดการให้คำกล่าวในวันนี้ที่การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและการรายงานผลประกอบการค่อนข้างเบาบาง โดยประธานเฟดประจำบอสตัน นายเอริค โรเซนเกรน จะเริ่มต้นให้คำกล่าวในเวลา 8:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1215 GMT) ตามมาด้วยประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์, ที่ปรึกษาทางการเงินชั้นแนวหน้า นายแรนดัล ควอร์เลส และประธานเฟดประจำคลีฟแลนด์ ลอเร็ตตา เมสเตอร์
ก่อนหน้านี้เพาเวลล์ได้แถลงการณ์ต่อหน้าสภาคองเกรสไปแล้วเป็นเวลาสองวัน ดังนั้นจึงไม่แน่ชัดว่ายังหลงเหลือประเด็นใดที่ยังไม่ถูกกล่าวถึงเกี่ยวกับเศรษฐกิจ นอกเหนือจากปฏิกิริยาของสมาชิกแต่ละท่านเกี่ยวกับข้อมูลตลาดแรงงานที่ออกมาล่าสุดและความยั่งยืนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
2. คณะผู้นำยุโรปมีกำหนดการประชุม
คณะผู้นำจากสหภาพยุโรปจะประชุมกันเกี่ยวกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรปในการจัดตั้งกองทุนเยียวยามูลค่า 7.5 แสนล้านยูโร (8.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งประกอบไปด้วยแผนการแจกจ่ายเงินมูลค่า 5 แสนล้านยูโรที่เป็นประเด็นขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้คณะผู้นำจะหารือกันเกี่ยวกับขอบข่ายงบประมาณของสหภาพยุโรปในอีกหลายปีข้างหน้าด้วย ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการตัดสินใจใด ๆ ครั้งใหญ่ในการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นบรรยากาศในการประชุมก็จะเป็นสิ่งที่น่าจับตา รวมทั้งความพยายามที่จะแสดงให้ประชาชนเล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะบริหารท่ามกลางภาวะวิกฤตปัจจุบันให้ผลออกมาดีกว่าครั้งก่อนด้วย
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนบวกล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุสัญญาสี่ประเภท (Quadruple witching)
ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวบวกขึ้นเล็กน้อยหลังจากปิดหลายทิศทางเมื่อวานนี้ วันนี้เป็นวันสำคัญที่เรียกว่า Quadruple witching ซึ่งเป็นวันหมดอายุของอนุพันธ์ต่าง ๆ ทั้งดัชนีและหุ้นสามัญ ตลาดจึงมักมีความผันผวนมากเป็นพิเศษ
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับขึ้น 220 จุดหรือ 0.9% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าดีดขึ้น 0.7% สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 0.8%
ความเชื่อมั่นส่วนหนึ่งมาจากข่าวดีของบริษัทบริหารจัดการโรงภาพยนตร์ Cinemark ที่จะกลับมาเปิดโรงภาพยนตร์ตามปกติในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้โดยที่ผู้เข้าชมภาพยนตร์ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ส่วน JetBlue ก็เริ่มขายตั๋วเครืองบินสำหรับเส้นทางใหม่ 30 เส้นทางด้วย
4. ปอนด์สเตอร์ลิงอ่อนค่าหลังยอดการค้าปลีกพลิกฟื้น
ยอดการค้าปลีกสหราชอาณาจักรพลิกฟื้นเกินคาดในเดือนพฤษภาคม แต่กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงหนี้รัฐบาลที่สูงอย่างฉับพลันเนื่องจากการระบาด
ยอดการค้าปลีกสูงขึ้น 12% ซึ่งออกมาดีเกินคาด แต่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษได้เผยข้อมูลหนี้รัฐบาลที่สูงเกิน 100% ของ GDP เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1963 เนื่องจากรัฐบาลต้องกู้ยืมเงินเป็นปริมาณมากเพื่อใช้จ่ายในมาตรการบรรเทาภาวะวิกฤต
ค่าเงินปอนด์แตะระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโร และดิ่งลงทำระดับต่ำสุดครั้งใหม่เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ความเชื่อมั่นยังคงอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากความลังเลอย่างเห็นได้ชัดของธนาคารกลางอังกฤษที่จะลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม โดยธนาคารกลางอังกฤษได้เพิ่มวงเงินสำหรับการซื้อสินทรัพย์ในนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณโดยรวมเป็นมูลค่า 1 แสนล้านปอนด์ (1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) แต่กลับระบุว่าอัตราการซื้อตราสารหนี้จะค่อนข้างชะลอตัว
ดูอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมด
https://th.investing.com/currencies/
5. ราคาน้ำมันดิบแตะระดับ $40 หลัง OPEC+ ออกมาให้ความมั่นใจ
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวขึ้นเหนือระดับ $40 ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 11 วันหลังจากกลุ่ม OPEC+ ได้ออกมายืนยันว่าประเทศสมาชิกส่วนใหญยังคงทำตามข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน
เมื่อเวลา 6:30 น. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI บวกขึ้น 2.7% เท่ากับ $39.87 ขณะที่สัญญาเบรนท์ปรับตัวขึ้น 2.1% เท่ากับ $42.38 ต่อบาร์เรล
ทางด้าน Kirill Dmitriev ตัวแทนเจรจาคนสำคัญจากรัสเซียในการประชุม OPEC+ เผยว่า เขาไม่เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการยืดเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันในอัตราปัจจุบันออกไปนานกว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากอุปสงค์เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวแล้ว
เรื่องนี้ห้ามพลาด
Twitter ติดป้ายกำกับทวีตของทรัมป์ว่าเป็น 'สื่อที่ถูกปลุกปั่น'
กราฟเด่นประจำวัน: โอกาสของขาลงในตลาดน้ำมันดิบกำลังจะมาถึง
ศูนย์วิจัยกรุงศรีชี้เศรษฐกิจไทย “แข็งนอก อ่อนใน”
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้