มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 216.73 จุด หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง

เผยแพร่ 29/05/2567 13:35
© Reuters.  ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 216.73 จุด หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง
NDX
-
US500
-
AAPL
-
NVDA
-
TMUS
-
USM
-

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (28 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดที่เหนือระดับ 17,000 จุดเป็นครั้งแรก โดยได้ปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,852.86 จุด ลดลง 216.73 จุด หรือ -0.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,306.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,019.88 จุด เพิ่มขึ้น 99.09 จุด หรือ +0.59%

ควินซี ครอสบี หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของบริษัท LPL Financial กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ หลังจากผลการประมูลพันธบัตรบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยตลาดไม่ต้องการเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นจนถึงระดับที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและผู้บริโภค และส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิสกล่าวว่า เขาต้องการเห็นข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายเดือนเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลงก่อนที่เขาจะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นอีก

อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก ส่วนดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดที่เหนือระดับ 17,000 จุดเป็นครั้งแรก โดยได้ปัจจัยบวกจากหุ้นอินวิเดียที่พุ่งขึ้น 7% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.38% ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในดัชนี S&P500 รองลงมาคือดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.08% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเฮลธ์แคร์ ปรับตัวลง 1.26% และ 1.25% ตามลำดับ

หุ้นแอปเปิ้ลพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน หลังมีรายงานว่ายอดขาย iPhone ในจีนทะยานขึ้น 52% ในเดือนเม.ย. แต่ราคาหุ้นแอปเปิ้ลลดช่วงบวกในเวลาต่อมาและปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยสู่ระดับ 189.99 ดอลลาร์

หุ้นที-โมบาย (T-Mobile) และหุ้นยูเอส เซลลูลาร์ (US Cellular) ปรับตัวขึ้น 0.79% และ 12.19% ตามลำดับ หลังจากมีรายงานว่า T-Mobile ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศซื้อกิจการส่วนใหญ่ของบริษัท US Cellular ในวงเงิน 4.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว T-Mobile จะครอบครองคลื่นความถี่ไร้สายราว 30% ของ US Cellular โดย T-Mobile คาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสัญญาณ 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ชนบท และช่วยให้ลูกค้าของ US Cellular มีสัญญาณเชื่อมต่อทั่วสหรัฐที่ดีขึ้นด้วย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 97.5 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 95.9

ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่าดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากสต็อกบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย