ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีเหรียญ ETH กว่า 80% แล้วที่โอนเข้ามาในสัญญาเงินฝากก่อนเปิดตัวการอัปเกรดในวันที่ 1 ธันวาคม โดยสัญญาเงินฝากนั้นจะต้องมีเหรียญขั้นต่ำเป็นจำนวน 524,000 ETH เพื่อให้การอัปเกรดเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ นักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากได้แห่พากันฝากเงินไว้ในสัญญาเนื่องจากพวกเขาต้องการสนับสนุนการอัพเกรดและการสร้างผลตอบแทน ETH โดยการล็อกเงินไว้ในสัญญา แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากเหรียญ ETH ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ? ตามที่นักพัฒนากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เกณฑ์ขั้นต่ำในการอัพเกรดสามารถปรับเปลี่ยนได้ในอนาคตเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มี ETH ที่ถูกล็อคในสัญญาแบบตลอดชีพ นักพัฒนารายหนึ่งเพิ่งกล่าวในเรื่องนี้ว่า : “โดยส่วนตัวผมคิดว่าสำหรับการเปิดตัวการอัพเกรด ETH 2.0 ที่มีเงินฝากขั้นต่ำ 100,000 ETH ในสัญญานั้นเพียงพอแล้วและการปรับเกณฑ์ลงเพื่อไม่ให้ ETH อยู่ในล็อคในสัญญานานเกินไปนั่นก็สมเหตุสมผลแล้ว” ETH 2.0 คืออะไร ? นาย Danny Ryan นักวิจัยจาก Ethereum Foundation กล่าวกับ Paradigm เกี่ยวกับการอัปเกรดเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า : “หากคุณยังไม่มีโอกาสอ่านบล็อกโพสต์ล่าสุดของผม ‘The State of Eth2’ ผมขอแนะนำให้คุณควรอ่านอย่างยิ่ง ผมพยายามหาบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ, หารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยน, ระยะเวลาและผลประโยชน์เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราควรตรวจสอบ “ผลประโยชน์ของ ETH2.0 ที่มีต่อชุมชนในอนาคต” โดยในระยะสั้นนั้นจะประกอบไปด้วย เฟส 0 bootstraps system, เฟส 1 การจัดหาเลเยอร์ข้อมูลที่สามารถปรับขนาดได้ผ่านการใช้งานไคลเอนต์ ETH2.0 Light บน Ethereum และสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างแบบ 2 เลเยอร์เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดได้อีกด้วย, เฟส 1.5 คือการรวมกันของ Ethereum chain ที่เรารู้จักกันดีในฐานะการแยกส่วนภายใต้การอัปเกรด ETH2.0 consensus และเฟส 2 ขึ้นไปจะเป็นขยายการทำงานของการแยกส่วนเมื่อเวลาผ่านไป” Ethereum 2.0 จะเป็นการรวมเทคโนโลยีที่เรียกว่า sharding ซึ่งจะแยกการประมวลผลธุรกรรมระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ของโหนดเพื่อเพิ่มปริมาณงานให้เพิ่มสูงขึ้น : “กลไกทั้ง Proof of Stake
กดอ่านข่าว Ethereum 2.0 มีโอกาสเปิดตัวทันเวลา หลังยอดเข้า Stake ใกล้แตะเป้าหมายขั้นต่ำแล้ว ต่อที่ Siam Blockchain