แม้จะมีการแบนคริปโตในประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ชาวไนจีเรียยังคงมีแนวโน้มที่ดีและมีการซื้อขายกับ Paxful สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาห์ ไนจีเรีย เป็นประเทศที่ตลาดคริปโตเคอเรนซีใหญ่ที่สุดในแอฟริกา โดยมีพลเมืองหนุ่มสาวหลายล้านคนในประเทศพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงินของพวกเขา อย่างไรก็ตามการแบนล่าสุดจากธนาคารกลางของประเทศหรือ CBN ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้บริการเกี่ยวกับคริปโตได้ และสิ่งนี้อาจมีส่งผลต่อขนาดของตลาดคริปโตอีกด้วย เกิดอะไรขึ้น? ธนาคารกลางของประเทศได้กล่าวว่า ไม่ได้กีดกันผู้คนจากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี่ ข้อห้ามดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับธนาคารและสถาบันการเงินเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตและบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนหน้านี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถฝากหรือถอนเงินได้โดยตรงจากบัญชีธนาคารของตน ตอนนี้จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป การแบนถือได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เนื่องจากการโอนเงินของธนาคารผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยน ทำให้ชาวไนจีเรียจำนวนมากเข้าถึงบริการคริปโตได้ง่ายขึ้นโดยไม่ถูกหลอกลวง อย่างไรก็ตามอุปสรรคดังกล่าวไม่ได้ขัดขวางชาวไนจีเรียจากการซื้อขายสินทรัพย์ คริปโต โดยรายงานล่าสุดเผยว่า ไนจีเรียได้กลายเป็นตลาด peer-to-peer ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ Paxful ท่ามกลางคำสั่งแบนคริปโตของธนาคารกลาง CBN ไม่มีอะไรมาขัดขวางพวกเขาได้ เมื่อการประกาศแบนมีผลบังคับใช้ นักเทรดสกุลเงินดิจิทัลในไนจีเรียจำเป็นต้องคิดค้นวิธีการทำธุรกรรมต่อไป โดยปราศจากการแทรกแซงของธนาคารผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต การซื้อขายแบบ P2P กลายเป็นทางออกของพวกเขา และ Paxful ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลแบบเพียร์ทูเพียร์ระดับโลก ได้กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีคนใช้มากที่สุดในประเทศ จากรายงานเผยว่า ชาวไนจีเรียที่ทำการซื้อขายโดยใช้แพลตฟอร์ม Paxful มีปริมาณการซื้อขายมากถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 ล้านคน แม้ว่าจะมีการแบนก็ตาม และจากข้อมูลที่เผยแพร่โดย UsefulTulips ระบุว่า มีชาวไนจีเรียที่ใช้ Paxful ซื้อขายมากกว่า 6.3 ล้านดอลลาร์ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และมากกว่า 77.4 ล้านดอลลาร์ใน 90 วันที่ผ่านมาอีกด้วย นอกเหนือจากไนจีเรียแล้ว ประเทศเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ อีกหลายประเทศกำลังให้ความสนใจในการซื้อขายคริปโตมากขึ้น ซึ่งทาง Paxful เห็นปริมาณการซื้อขายที่น่าประทับใจจากประเทศต่างๆ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย และเคนยา โดยแพลตฟอร์มเพียร์ทูเพียร์ทั่วโลกมีผู้ใช้มากกว่าหกล้านคน โดยมีการซื้อขายมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว Ray Youssef ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัทกล่าวว่า ระบบการเงินแบบดั้มเดิมไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชากรโลกจำนวนมากได้อีกต่อไป เขายังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ระบบการเงินที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางการเงินเป็นอย่างมาก และสกุลเงินดิจิทัลจะมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงระบบนี้ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า สกุลเงินดิจิทัลทำให้เรามองเห็นทางเลือกหนึ่ง ในการทำให้ระบบการเงินนั้นอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน ภารกิจของเราที่
กดอ่านข่าว ชาวไนจีเรียแห่เทรดคริปโตหนัก โวลุ่มแตะ 1.5 พันล้านดอลลาร์ แม้รัฐบาลแบน ต่อที่ Siam Blockchain