การเปลี่ยนแปลงการชําระหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อตลาด

การสํารวจ Citigroup เปิดเผยว่าการเปลี่ยนไปสู่วงจรการชําระบัญชีที่เร็วขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้มีผลต่อผู้เข้าร่วมตลาดมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก การเปลี่ยนผ่านไปสู่รอบการชําระบัญชี T+1 ซึ่งดําเนินการในเดือนพฤษภาคม กําหนดให้การซื้อขายหุ้น พันธบัตรองค์กรและเทศบาล และหลักทรัพย์อื่นๆ ต้องชําระในวันทําการถัดไป แทนที่จะเป็นช่วงเวลาสองวันก่อนหน้า

จากการสํารวจพบว่า 44% ของบริษัทฝั่งซื้อและฝั่งขายพบว่าการเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบมากกว่าที่คาดไว้ หน่วยงานในยุโรปรู้สึกตึงเครียดมากที่สุดเนื่องจากความท้าทายในการจัดการปัญหาการตั้งถิ่นฐานและการระดมทุนในชั่วข้ามคืน นักลงทุนจากต่างประเทศมักพึ่งพาการซื้อขายสกุลเงินเพื่อเป็นเงินทุนในการทําธุรกรรมหลักทรัพย์ในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้เกิดความยากลําบากที่ต้องเผชิญ

การสํารวจ Securities Services Evolution ซึ่งสํารวจสถาบันเกือบ 500 แห่งในเดือนมิถุนายน ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการปรับตัวของอุตสาหกรรมทั่วโลกต่อการเปลี่ยนแปลง และเน้นย้ําถึงผลกระทบที่แพร่หลายของ T+1 ตลอดวงจรการค้า การสํารวจเน้นย้ําว่าทุกแง่มุม รวมถึงการระดมทุน จํานวนพนักงาน การให้กู้ยืมหลักทรัพย์ และอัตราความล้มเหลว ได้รับผลกระทบมากกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก

การให้กู้ยืมหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจาก 33% เป็น 50% โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งขายรายงานผลกระทบอย่างมากต่อกิจกรรมการให้กู้ยืมหลักทรัพย์และการเรียกคืน โดย 56% ของบริษัทระบุว่าพวกเขา "ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญ" นี่เป็นข้อกังวลหลักสําหรับผู้เข้าร่วมตลาดก่อนการนํา T+1 ไปใช้

ผลที่ตามมาเพิ่มเติมของวงจรการชําระบัญชีที่เร่งขึ้น ได้แก่ การปรับระดับพนักงาน โดย 52% ของธนาคารและโบรกเกอร์สังเกตเห็นผลกระทบต่อจํานวนพนักงาน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจในการจ้างพนักงานเพิ่มเติมมากกว่าการใช้ระบบอัตโนมัติ ซึ่งทําให้ฝั่งขายเสี่ยงต่อการประมวลผลด้วยตนเองและการจัดการข้อยกเว้นในปริมาณมาก

ซิตี้ตั้งข้อสังเกตว่าจําเป็นต้องใช้เวลามากขึ้นในการทําความเข้าใจผลกระทบที่ "ลึกซึ้งและลึกซึ้งยิ่งขึ้น" ของวงจรการชําระบัญชีที่เร็วขึ้น การเปลี่ยนไปใช้ T+1 นําโดย Depositary Trust and Clearing Corporation, สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงิน และสถาบันบริษัทการลงทุน ซึ่งไม่มีการตอบสนองต่อคําขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการสํารวจ

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน