โดย Barani Krishnan
Investing.com - เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่มีปัจจัยขับเคลื่อนราคาสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าหลายทิศทาง ตอนนี้เหลือเพียงสองปัจจัยที่น่าจับตาก็คือ สถานการณ์ระหว่างสองประเทศผู้อุปโภควัตถุดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกที่อาจมีอุปสงค์ชะลอตัวลงเนื่องด้วยภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น หรือไม่ก็ประเทศผู้ผลิตน้ำมันฝั่งตะวันออกกลางที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ซึ่งทั้งสองกรณีต่างก็มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างฉับพลันต่อตลาดน้ำมันทั้งสิ้น
กระแสจากผู้ลงทุนในตลาดน้ำมันต่างก็เอนเอียงไปทางจีนอย่างล้นหลาม ส่งผลให้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส ของสหรัฐฯ ดิ่งลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน ส่วน สัญญาเบรนท์ จากทั่วโลกก็มีราคาที่ต่ำลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันเช่นกัน
การข่มขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรในสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้สร้างความตื่นกลัวให้แก่ตลาดน้ำมันมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกีดกันการส่งออกน้ำมันของอิหร่านโดยสหรัฐฯ อันส่งผลให้ปริมาณน้ำมันส่งออกจากอิหร่านซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับสี่ของกลุ่มโอเปกนั้นลดลงเรื่อย ๆ
ในสัปดาห์นี้ ทั้งโอเปกและสำนักงานพลังงานสากลประจำกรุงปารีสต่างก็มีกำหนดการเผยแพร่รายงานและผลคาดการณ์อุปสงค์/อุปทาน ซึ่งนักวิเคราะห์หลายท่านเชื่อว่าแนวโน้มตลาดอาจเบนเข็มกลับไปยังอิหร่านก็เป็นได้
ทองคำก็ได้รับผลกระทบจากจีนเป็นหลักเช่นกัน เห็นได้จากทั้งราคาซื้อขายทองคำและสัญญาล่วงหน้าที่ต่างก็ขยับขึ้นล็กน้อยในสัปดาห์ก่อนที่มีการขึ้นภาษีศุลกากรจีน
ภาพรวมตลาดพลังงาน
แม้ว่าการขึ้นภาษีศุลกากรจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจจีนอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันเนื่องมาจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างสองผู้นำทางเศรษฐกิจต่างหากที่ส่งผลต่อเทรดเดอร์ตลาดน้ำมันอย่างมหันต์ จีนได้เปรยไว้แล้วว่าจะตอบโต้เอาคืน และเตือนรัฐบาลของทรัมป์ให้เตรียมตัวสำหรับ "การตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน"
แต่รายงานประจำเดือนของโอเปกที่มีกำหนดการประกาศในวันอังคาร และมุมมองของสำนักงานพลังงานสากลต่ออุปสงค์/อุปทานโลกในวันพฤหัสบดีนี้ อาจทำให้ผู้ลงทุนหันมาให้ความสนใจกับปัจจัยเฉพาะของตลาดน้ำมันมากขึ้น ส่วนทางด้านอิหร่านก็ดูเหมือนว่าจะสูญเสียปริมาณการส่งออกน้ำมันประมาณ 100,000 บาร์เรลต่อวันหรือมากกว่านั้น อันเนื่องมาจากมาตรการกีดกันการส่งออกน้ำมันโดยสหรัฐฯ และคาดว่านับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันกำลังการผลิตน้ำมันของอิหร่านได้ลดลงไปแล้วราว 800,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ระบุว่า บรรดาโรงกลั่นจีนได้ยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านแล้ว เพราะกังวลว่าหากทำเช่นนั้นอาจส่งผลให้จีนพลอยโดนหางเลขจากมาตรการคว่ำบาตรสหรัฐฯ ไปด้วย ทำให้จีนถูกตัดออกจากสารบบทางการเงินทั่วโลก โดยที่ผ่านมาจีนเป็นลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน และข้อมูลทางศุลกากรจีนระบุว่าจีนได้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านมาแล้วกว่า 475,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ ณ ขณะนี้จีนก็ยังไม่สามารถหาผู้ค้าน้ำมันรายอื่นมาทดแทนอิหร่านได้ เนื่องจากซาอุดิอาระเบียและประเทศอื่น ๆ ในโอเปกต่างก็เรียกราคาที่สูงกว่าอิหร่านทั้งสิ้น
ปฏิทินด้านพลังงานในสัปดาห์นี้
วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม
รายงานประจำเดือนจาก OPEC
รายงานปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จาก สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา
วันพุธที่ 15 พฤษภาคม
รายงานประจำเดือนจากสำนักงานพลังงานสากลด้านอุปสงค์-อุปทานน้ำมัน
รายงานปริมาณน้ำมันคงคลังประจำสัปดาห์จาก สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม
รายงานปริมาณ ก๊าซธรรมชาติ ประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ
วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์จาก Baker Hughes
ภาพรวมของตลาดโลหะมีค่า
แม้ทรัมป์จะปล่อยหมัดเด็ดต่อจีนด้วยการขึ้นภาษีศุลกากร แต่ราคาทองอาจไม่พุ่งทะยานเหนือระดับ $1,300 อย่างที่ผู้ลงทุนหลายท่านคาดไว้
ถึงแม้ว่าราคาทองจะต้องได้รับแรงหนุนอย่างแน่นอน หากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ข้อมูลชี้วัดทางเทคนิคและภาพรวมพื้นฐานของราคาทองชี้ให้เห็นว่าแรงกระตุ้นในการซื้อทองเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงยังมีไม่มากนัก
ราคาทองคำโลก และ สัญญาซื้อขายทองล่วงหน้า ในตลาดโคเม็กซ์ของนิวยอร์ค เมอร์แคนไทล์ เอ็กซ์เชนจ์ ต่างก็ส่งมอบแดนบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีศุลกากรจีน
นายฟิลิป สไตรเบิล นักวางกลยุทธ์อาวุโสด้านโลหะมีค่าจาก RJO Futures ที่นครชิคาโก เผยว่าขณะนี้ราคาทองมุ่งไปชนกับแนวต้านทางเทคนิค และมีช่วงราคาติดอยู่ระหว่างจุดสูงสุดของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 100 วันที่ระดับ $1,300 และระดับต่ำสุดของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 200 วันที่ระดับ $1,267
ปฏิทินด้านโลหะมีค่าในสัปดาห์นี้
วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม
สมาชิกเฟด นายโรเซนเกรน ให้คำกล่าว
สมาชิกเฟด นายแคปแลน ให้คำกล่าว
วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม
ดัชนีภาคการผลิตจาก ISM (เม.ย.)
ดัชนี CPI เยอรมนี (เดือนต่อเดือน) (เม.ย.)
สมาชิกเฟด นายวิลเลียมส์ ให้คำกล่าว
สมาชิกเฟด นายจอร์จ ให้คำกล่าว
ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน (ปีต่อปี) (เม.ย.)
ยอดค้าปลีกจีน (ปีต่อปี) (เม.ย.)
อัตราว่างงานจีน
วันพุธที่ 15 พฤษภาคม
ยอดค้าปลีกพื้นฐาน (เดือนต่อเดือน) (เม.ย.)
ดัชนีภาคการผลิตจาก Empire State นครนิวยอร์ค (พ.ค.)
กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ (ปีต่อปี)
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ
ยอดบ้านที่กำลังจะสร้าง (เดือนต่อเดือน) (เม.ย.)
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ
ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางประจำฟิลาเดลเฟีย (เม.ย.)
วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม
ดัชนี CPI พื้นฐานของยูโรโซน (ปีต่อปี) (เม.ย.)
ผลคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะ 5 ปีจากมิชิแกน (พ.ค.)
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมิชิแกน (พ.ค.)