โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้
1. คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐจะยังลดลงอย่างต่อเนื่อง
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดประจำสัปดาห์จะมีกำหนดการเผยแพร่ออกมาในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230) สัญญาณการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ได้สร้างความหวาดหวั่นว่ารัฐบาลอาจประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งและส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอีก
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ที่แล้วจะลดลงเหลือ 1.30 ล้านราย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะถือเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในเดือนมีนาคม และลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.54 ล้านราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องคาดว่าจะเท่ากับ 19.8 ล้านราย ลดลงต่ำกว่า 20 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน
หลังจากนั้นจะมีการประกาศผลสำรวจทางธุรกิจของเฟดประจำฟิลาเดลเฟีย จากที่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ผลสำรวจของรัฐนิวยอร์กได้แสดงให้เห็นถึงการพลิกฟื้นของภาคการผลิตที่ดีเกินคาด
2. ธนาคารพากันชดเชยการลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหญ่ที่สุด
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหญ่ที่สุดสู่ตลาดการเงินยูโรโซน เพื่อชดเชยจากเดือนที่แล้วที่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยจนติดลบมากกว่าเดิม
ธนาคารต่าง ๆ ได้ทำการกู้ยืมเงินเป็นมูลค่า 1.308 ล้านล้านยูโร (1.47 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) จากกองทุนเงินกู้รีไฟแนนซ์ระยะยาวของ ECB (TLTRO) ซึ่งเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดถึง -1% ให้แก่ธนาคารที่เป็นไปตามเกณฑ์การให้กู้ยืมของ ECB (ซึ่งแทบทุกธนาคารก็ตรงตามเกณฑ์ดังกล่าว) ซึ่งแม้หักลบจำนวนเงินจากสินเชื่อคงค้างอื่น ๆ ของ ECB เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ไปแล้ว ก็ยังถือว่ามีเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบถึง 5.48 แสนล้านยูโร
ดังนั้นความต้องการกู้ที่สูงหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำไม่ได้ส่งผลเสียมากนักต่อความสามารถในการทำกำไรของธนาคารดั่งที่ตลาดเคยกังวล ทั้งนี้ค่าเงินยูโรคงตัวอยู่ที่ $1.1248 และส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงตัว
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวหลายทิศทาง
ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวหลายทิศทาง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาและปมความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบรูปทรงตัว V
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าติดลบ 31 จุดหรือ 0.1% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าขยับลง 0.1% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ดีดขึ้นไม่ถึง 0.1%
หุ้นที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ T-Mobile ที่คาดว่าจะมียอดลูกค้าใหม่ในปีนี้สูงขึ้นมาก ดังนั้นจึงน่าจะลดความกังวลของตลาดภายหลังจากที่บริษัทใช้ต้นทุนที่สูงเกินคาดในการควบรวมกิจการกับ Sprint
กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีก็น่าจับตาเช่นกันหลังจากสหรัฐประกาศพิจารณาขอบข่ายใหม่เกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะมีการเรียกเก็บภาษีผู้ให้บริการดิจิทัลในตลาดหลักอย่างยุโรป
4. การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ
คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะเร่งออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรในการประชุมนโยบายทางการเงินวันนี้
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะเพิ่มวงเงินการซื้อสินทรัพย์อีกอย่างน้อย 1 แสนล้านปอนด์ เนื่องจากวงเงินปัจจุบันกำลังจะหมดลงภายในเดือนกันยายนนี้
เงินปอนด์ปรับตัวลง 0.6% สู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ $1.2485 และปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับเงินยูโร
ทางด้านธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์และนอร์เวย์ได้คงอัตราดอกเบี้ยดังเดิม ส่วนอินโดนิเซียตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยอีก
5. ทรัมป์ตราหน้าบอลตันว่าหลอกลวง หลังบอลตันแฉจุดอ่อนของทรัมป์เมื่ออยู่ต่อหน้าสีจิ้นผิง
อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ จอห์น บอลตัน ได้เปิดโปงประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ในหนังสือที่กำลังจะตีพิมพ์เร็ว ๆ นี้
บอลตันระบุว่า ทรัมป์ได้ขอร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ช่วยเหลือเพื่อให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ด้วยการทำข้อตกลงทางการค้าที่จะถือเป็นผลงานชิ้นเอกของทรัมป์ และทรัมป์เองก็ได้อ่อนข้อให้สีจิ้นผิงมาตลอด แม้สหรัฐจะมีจุดยืนที่กังขาจีนในประเด็นด้านการโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา การปั่นสกุลเงิน หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอดก็ตาม (บอลตันได้เผยว่าทรัมป์ได้สนับสนุนเงินทุนในการสร้างค่ายกักกันชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกของจีนอย่างลับ ๆ)
ทรัมป์เองก็มีสองปีแรกในการดำรงตำแหน่งที่ต้องรับมือกับหลักฐานที่ชี้ว่าทรัมป์ได้ร้องขอให้รัสเซียช่วยเหลือในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 แต่ถึงกระนั้นทรัมป์ก็ตราหน้าบอลตันว่าโกหก
นอกจากนี้บอลตันยังวิพากษ์วิจารณ์พรรคเดโมแครตที่ไม่พยายามมากพอที่จะถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งด้วย ทั้งนี้บอลตันได้ปฏิเสธที่จะให้การในกระบวนการถอดถอนทรัมป์เมื่อปีที่แล้วเนื่องจากเขาต้องการที่จะนำเรื่องราวทั้งหมดตีพิมพ์ในหนังสือ
บทความห้ามพลาด
คาดการณ์ทิศทางแบงก์ชาติอังกฤษ นักลงทุนเริ่มหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้