โดย Lucia Mutikani
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การปลดพนักงานเป็นสัปดาห์ที่สองท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอและห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับความเสียหาย ล้วนส่งผลให้มียอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐจำนวนมากและยิ่งตอกย้ำภาพรวมด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐจากวิกฤตโควิด-19 ที่ยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้าและยากลำบาก
การรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จากกระทรวงแรงงานสหรัฐในวันนี้คาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันอย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงาน แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมจะสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.5 ล้านรายภายหลังจากที่ธุรกิจส่วนใหญ่จำเป็นต้องปิดทำการเนื่องจากพิษโควิด-19 ก็ตาม
ทั้งนี้ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ได้แถลงต่อหน้าสภาในสัปดาห์นี้ว่า "ระยะเวลาและประสิทธิภาพในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอน" หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
อ้างอิงจากผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่รวบรวมมาจากนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์นี้เมื่อปรับผลกระทบจากปัจจัยทางฤดูกาลแล้วน่าจะอยู่ที่ 1.3 ล้านราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ 1.542 ล้านราย
ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานได้ลดลงมาเป็นเวลา 11 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะลดลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 6.867 ล้านราย แต่ก็ยังสูงกว่าระดับสูงสุดเมื่อสมัยเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในระหว่างปี 2007-2009 เป็นสองเท่า
Steven Blitz หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก TS Lombard ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า "หลายคนเห็นว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเริ่มลดลง แต่สำหรับประเทศที่กำลังจะเปิดเศรษฐกิจก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง"
บทความห้ามพลาด
คาดการณ์ทิศทางแบงก์ชาติอังกฤษ นักลงทุนเริ่มหลีกเลี่ยงความเสี่ยง