Investing.com – ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งจะ "เหมาะสม" และเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นต่อไปให้นานขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของธนาคารกลาง รายงานการประชุมเมื่อเดือนกันยายนของเฟดแสดงให้เห็นเมื่อวันพุธ
“ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ตัดสินว่าการปรับขึ้นอัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางตามที่ตั้งใจอีกหนึ่งครั้งในการประชุมครั้งต่อไปน่าจะเหมาะสม ในขณะที่บางคนตัดสินว่าไม่น่าจะมีการขึ้นอัตราต่อไปอีก” รายงานการประชุมของเฟดแสดงให้เห็น
ในการประชุม เฟดคงระดับ อัตราดอกเบี้ย ไว้ และสมาชิกต่างเห็นด้วยอย่างมากต่อแผนของธนาคารกลางที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้นานกว่าที่คาดไว้มาก และยังคงรักษาการคาดการณ์ที่ว่าจะมีการปรับขึ้นอีกหนึ่งครั้งในปีนี้และปรับลดจำนวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2 จาก 4 ครั้งของก่อนหน้านี้
สมาชิกเฟดสนับสนุนการปรับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่การประชุมเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายสัปดาห์นับตั้งแต่การประชุมเฟดสิ้นสุดลง มีข้อสังเกตจากสมาชิกบางคนในขณะนี้กำลังระมัดระวังมากขึ้นในการจะหนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งทำให้เงื่อนไขทางการเงินเข้มงวดขึ้น และคาดว่าจะกระทบต่อการเติบโตซึ่งจะเป็นการช่วยเฟดในการลดอัตราเงินเฟ้อ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 10 ปี และ อายุ 30 ปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 4.8% และ 5.0% ตามลำดับในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากข้อความของเฟดที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ระดับสูงนานขึ้นหนุนพรีเมี่ยมระยะยาวหรือการชดเชยความเสี่ยงในการถือครองพันธบัตรระยะยาวเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
สมาชิกเฟด “อยู่ในฐานะที่จะดำเนินการอย่างรอบคอบในการประเมินขอบเขตของการกระชับนโยบายเพิ่มเติมใด ๆ ที่อาจจำเป็น” ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน รองประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวเมื่อวันจันทร์ ในคำพูดที่เตรียมไว้สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติในเมืองดัลลัส
“ผมจะยังคงตระหนักถึงภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น และจะคำนึงถึงเรื่องนี้ในขณะที่ผมประเมินเส้นทางนโยบายในอนาคต” เจฟเฟอร์สันกล่าวเสริม
แม้ว่าความคาดหวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายนจะยังคงอยู่ระดับต่ำที่ 12% ตามรายงาน เครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยเฟด ของ Investing.com แต่รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค ที่จะครบกำหนดเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ก็แทบจะทำให้การตัดสินใจเป็นเอกฉันท์
“นี่เป็นการรายงานข้อมูล CPI ครั้งสุดท้ายก่อนการตัดสินใจของ FOMC ครั้งต่อไปในวันที่ 1 พฤศจิกายน และดังนั้นจึงอาจส่งผลกระทบต่อตลาดที่มีโอกาสปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการประชุมที่จะเกิดขึ้นนี้” Scotiabank Economics กล่าวในบันทึกล่าสุด
อัตราเงินเฟดปิดตัวลงในเขตแดนที่คาดว่าจะมีการเข้มงวดนโยบาย
เพื่อเป็นสัญญาณว่าเฟดใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สมาชิกหลายคนแนะนำว่าควรเปลี่ยนการมุ่งเน้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นระยะเวลาที่ควรคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับที่จำกัด
“ผู้เข้าร่วมหลายรายแสดงความคิดเห็นว่า ด้วยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มจะอยู่ที่หรือใกล้จุดสูงสุด โฟกัสของการตัดสินใจนโยบายการเงินและการสื่อสารควรเปลี่ยนจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับที่เข้มงวด” รายงานการประชุมแสดงให้เห็น
ผู้เข้าร่วมไม่กี่รายตั้งข้อสังเกตว่าอัตราของธนาคารกลางที่แท้จริงคืออัตราที่ปรับให้เข้ากับอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันนั้นสามารถเป็นมาตรการสำหรับการดำเนินนโญบายการเงินในอนาคต นั่นหมายความว่าอัตราเงินเฟ้อมีผลต่อนโยบายของเฟดมากกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“ผู้เข้าร่วมบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า อัตราเงินเฟ้อที่กลับมาสู่เป้าหมาย 2 เปอร์เซ็นต์ของคณะกรรมการจะส่งผลต่อความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เข้มงวดเพียงพอ และระยะเวลาในการดำเนินนโยบายที่เข้มงวด” รายงานการประชุมของเฟดแสดงให้เห็น
การเปลี่ยนไปใช้ท่าทีผ่อนคลายอาจไม่ถือเป็นจุดสิ้นสุดของนโยบายที่เข้มงวด
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเร็ว ๆ นี้ กระตุ้นให้เกิดการเดิมพันว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนปีหน้า ประมาณ 60% ของเทรดเดอร์ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน
แต่แม้ว่าเฟดจะดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นขจุดสิ้นสุดของนโยบายการเงินที่เข้มงวด และคาดว่ากิจกรรมการซื้อพันธบัตรจะยังคงอยู่
“ผู้เข้าร่วมหลายรายตั้งข้อสังเกตว่าการเพิ่มขึ้นของแรงซื้อพันธบัตรจะยังคงมีต่อเนื่องไปสักระยะหนึ่ง แม้ว่าคณะกรรมการจะเริ่มลดช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางแล้วก็ตาม”