โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- ห้าเรื่องที่คุณควรทราบเกี่ยวกับตลาดการเงินในวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์มีดังต่อไปนี้
1. ตลาดจีนทรุดตัวลงอย่างหนัก
ตลาดทางการเงินของจีนสั่นสะเทือนอย่างหนักในวันแรกของการซื้อขายหลังผ่านช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน โดยดัชนีหลักของจีนทั้ง Shanghai และ Shenzhen ต่างก็ทรุดตัวลงถึง 8% อีกทั้ง ค่าเงินหยวน ยังทรุดตัวลงถึง 1.2% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแตะระดับต่ำสุดในรอบแปดสัปดาห์ ทะลุระดับทางจิตวิทยาที่ 7 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ
ทว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ล่าสุดจำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อได้พุ่งสูงขึ้นเป็น 361 รายแล้วจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันทั้งหมด 17,205 ราย
2. ตลาดหุ้นทั่วโลกเตรียมเปิดตัวในแดนบวก
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1130 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow 30 ล่วงหน้า ปรับขึ้น 107 จุดหรือ 0.4% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ขยับขึ้น 0.4% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ปรับขึ้น 0.5%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวขึ้น 0.1% ส่วนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็เริ่มกลับคืนสู่เสถียรภาพ โดย สัญญาซื้อขายทองแดงล่วงหน้า คาดว่าจะพลิกฟื้นจากขาลง 13 วันติดต่อกัน และ ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 0.3% อันเนื่องมาจากการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและปอนด์สเตอร์ลิง
3. การรายงานผลประกอบการของ Alphabet
Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google จะรายงานผลประกอบการหลังเวลาตลาดปิดในวันนี้ ซึ่งเป็นผลประกอบการครั้งแรกภายใต้การควบคุมดูแลของนาย Sundar Pichal
จากผลคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะหดตัวลง 2% เมื่อเทียบปีต่อปี เท่ากับ $12.50 ต่อหุ้น และคาดว่ารายได้จะสูงขึ้น 19% เท่ากับ 4.69 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อเดือนมกราคม หุ้นของ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ทะยานขึ้นถึง 7% ทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหลังจากเมื่อปี 2019 ทำผลงานได้ต่ำกว่าตลาดด้วยการส่งมอบขาขึ้นเพียง 19%
4. ปอนด์สเตอร์ลิงได้รับแรงกดดันภายหลัง Brexit
ปอนด์สเตอร์ลิง ทรุดตัวมากกว่า 1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และติดลบ 0.8% เมื่อเทียบกับ เงินยูโร หลังจากช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านภายหลังจาก Brexit ได้เริ่มต้นขึ้น
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายบอริส จอห์นสัน ได้กล่าวไว้ว่า เขายอมให้มีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเสียยังจะดีกว่าต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจศาลยุติธรรมยุโรป ซึ่งถือเป็นคำกล่าวที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสภาพทางเศรษฐกิจอีกครั้งท่ามกลางช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักร-สหภาพยุโรปไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จนกว่าจะถึงสิ้นปีนี้
5. ดัชนี PMI ล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยุโรปพลิกฟื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
ในวันนี้ปฏิทินเศรษฐกิจค่อนข้างเบาบาง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อหรือ PMI ทั่วภูมิภาคยุโรปได้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจภาคอุตสาหกรรมยังคงมีการหดตัวในช่วงต้นปี 2020 และยังคงไม่หลุดพ้นจากการชะลอตัวครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ PMI ฝั่งยูโรโซนของ IHS Markit ออกมาเท่ากับ 47.9 สูงขึ้นเล็กน้อยจากที่คาดไว้ 47.8 แต่ยังคงอยู่ภายใต้ระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่แบ่งแยกระหว่างการขยายตัวและการหดตัว ส่วน ดัชนี PMI ของสหราชอาณาจักร สามารถเด้งกลับขึ้นมาสู่ระดับ 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทว่าการประกาศข้อมูลกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าความน่ากังวลใจของสถานการณ์ภายหลัง Brexit
ดัชนี PMI สหรัฐฯ ของ Markit จะมีกำหนดการรายงาน 9:45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (14:45 GMT) และอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังก็จะมีการรายงาน ผลสำรวจภาคอุตสาหกรรม จากสถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) ด้วย