InfoQuest - ราคาทองปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในวันอังคาร (5 มี.ค.) หลังราคาสัญญาทองล่วงหน้าพุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ในการซื้อขาย 2 วันก่อนหน้า โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อไปอย่างน้อยถึงครึ่งหลังของปีนี้
สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดตลาดเหนือระดับ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เป็นครั้งแรกในวันจันทร์ (4 มี.ค.) และปรับขึ้น 0.37% แตะที่ 2,134.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ณ เวลา 13.15 น.ตามเวลากรุงลอนดอน ซึ่งช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง ขณะที่ราคาทองคำสปอตปรับตัวขึ้น 0.7% แตะที่ 2,129 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้สังเกตการณ์ตลาดยอมรับว่าเมื่อพิจารณาในแง่ที่แท้จริง ซึ่งเป็นการปรับตามค่าเงินเฟ้อแล้ว ราคาทองคำยังนับว่าต่ำกว่าระดับสูงสุดในอดีต
ในวันจันทร์ นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปนิยามตนเองว่าเป็นกลุ่มที่มีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองในระยะกลาง โดยมองว่ามีโอกาส 25% ที่ราคาทองคำจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนการคาดการณ์พื้นฐานของนักวิเคราะห์กลุ่มนี้ยังอยู่ที่ 2,150 ดอลลาร์/ออนซ์ และย้ำว่าราคาทองมีความเป็นไปได้ที่จะแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วง 12-16 เดือนข้างหน้า
ซิตี้กรุ๊ปมองว่าทองเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของตลาดพัฒนาแล้ว และมองเห็นปัจจัยหนุนเพิ่มมากขึ้นจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐในเดือนพ.ย.
นักวิเคราะห์จากเบเรนเบิร์ก (Berenberg) ระบุในวันจันทร์เช่นกันว่า หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย. จะช่วยหนุนทองคำครั้งใหญ่ นอกเหนือไปจากปัจจัยด้านความเสี่ยงเกี่ยวกับสงครามในยูเครนและกาซา
รายงานระบุว่า ราคาทองที่ปรับตัวขึ้นใน 2 วันก่อนนั้นได้แรงหนุนมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมิ.ย. โดยทองมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ทองยังได้แรงหนุนเมื่อผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลถูกกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เครื่องมือเฟดวอทช์ (FedWatch) ของ CME ระบุว่า ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 55% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในเดือนมิ.ย.นี้