InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.91 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.03 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85-35.08 บาท/ดอลลาร์ และกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงปิดตลาด ซึ่งเป็นการ แข็งค่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ตามทิศทางเงินหยวนเป็นหลัก อย่างไรก็ดี วันนี้ยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทมากนัก ซึ่งตลาดติดตามผลการประมูลพันธบัตร รัฐบาลระยะยาว อายุ 10 ปีของสหรัฐเป็นหลัก รวมทั้งในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค. "ปัจจัยตอนนี้ ยังไม่มีอะไรเด่นมาก ตลาดติดตามผลประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐ เพราะค่าเงินดอลลาร์ค่อน ข้างจะสอดคล้องไปตาม yield" นักบริหารเงินระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85 - 35.10 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 143.28 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 143.28 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0979ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0970 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,528.30 จุด เพิ่มขึ้น 9.86 จุด (+0.65%) มูลค่าการซื้อขาย 50,039.62 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,837.64 ลบ. (SET+MAI) - ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2566 อาจปรับลด ลงจากคาดการณ์ แต่ภาพรวมจะยังเห็นการเติบโตได้ที่ระดับ 3% กลางๆ จากคาดการณ์ล่าสุดที่ 3.6% เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการ ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก แต่เศรษฐกิจไทยยังมีการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง - พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงการรวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคเพื่อไทยรวมพลัง, พรรคพลังสังคมใหม่, พรรคท้องที่ไทย โดย สามารถ รวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว - พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ คาดหวังสลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งจากพรรคการ เมือง สส. และเสียงสนับสนุนจาก สว. เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหา ให้กับประชาชนได้โดยเร็ว - สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) เปิดเผยคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะไม่ สามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ได้ก่อนปี 2571 เป็นอย่างน้อย พร้อมเตือนว่าเศรษฐกิจอังกฤษ กำลังเผชิญกับ ภาวะซบเซา อีกทั้งยังเห็นว่า ภายในสิ้นปี 2567 มีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจของอังกฤษจะกลับสู่ภาวะถดถอย - ทางการจีน เปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่จีนจะเผชิญกับภาวะเงินฝืด และคาดว่าความเสี่ยงดังกล่าว จะส่งผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจจีนเป็นวงกว้าง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในเดือนก.ค. ปรับตัว ลง 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ.64 - รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจีนจะไม่เผชิญความเสี่ยงเงินฝืดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมกับกล่าวว่า การที่เศรษฐกิจจีนจะกลับสู่ภาวะปกติภายหลังยุคโควิดนั้น อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง