Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum ได้อัพเดตความคืบหน้าของโปรเจกต์ผ่านโร้ดแมพที่แบ่งออกเป็น 5 ส่วนในพอดคาสต์ของ Bankless ตอนล่าสุด และเขายังสรุปขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับ Ethereum เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตเพิ่มขึ้นต่อไป เพื่อให้บรรลุความสามารถในการปรับขนาดและการกระจายอำนาจในระดับสูงสุด Butalik อ้างว่า Ethereum จำเป็นต้องมีความคล่องตัวและน้ำหนักเบามากขึ้นในแง่ของข้อมูลบล็อคเชน เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถจัดการและใช้งานได้ สำหรับเฟสแรกนั้นจะเรียกว่า ‘Merge’ ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนผ่านจาก Proof-of-work ไปเป็น proof-of-stake โดยสมบูรณ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ตามมาด้วยเฟสที่สองที่เรียกว่า ‘Surge’ ที่ทำจะให้ Ethereum มีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น แบนด์วิดธ์และปริมาณงานที่มีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะใน zk-rollups ซึ่งเป็นการอัพเกรดส่วนที่สำคัญที่สุด เมื่อถูกขอให้ประเมินความคืบหน้าของโปรเจกต์ Ethereum ในช่วงตลอด 6 ปีที่ผ่านมา Buterin กล่าวยืนยันว่า “เราอยู่ที่ 50% ของเส้นทางนั้น” เนื่องจากการเปิดตัว Beacon chain, london hard fork หรือแม้แต่การเติบโตเพิ่มขึ้นของ NFT แต่ก็ยังมีหนทางอีกกยาวไกล หลังจากที่เฟสของ Merge และ Surge ผ่านพ้นไปและมีการนำเอา full sharding มาใช้งาน โดยขั้นตอนนี้คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ระดับ 80% ตามโร้ดแมพ และจะใช้เวลาอีก 6 ปีก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์ 100% อ้างอิงตามคำพูดของ Vitalik สำหรับเฟสต่อไปคือ ‘Verge’ ที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้จำนวนมากสามารถเรียกใช้โหนดและโดยพื้นฐานแล้ว “สิ่งนี้จะทำให้เครือข่ายกลายเป็นประชาธิปไตยสำหรับการเข้าถึงของผู้ที่มีส่วนร่วมในวงกว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” หลังจากจบเฟสนี้ไป จะเป็นเฟสของ ‘purge’ และ ‘splurge’ ซึ่งหมายถึงการกำจัดข้อมูลเก่าในอดีตและการเพิ่มการอัปเกรดเบ็ดเตล็ดตามลำดับ Vitalik สรุปสถานการณ์ในอุดมคติของเขาสำหรับเปลี่ยนผ่านไปสู่ Eth 2.0 แบบไม่ต้องสูญเสียความเป็นการกระจายอำนาจเพื่อความเพิ่มสามารถในการปรับขนาดไว้ดังนี้ : “ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังและสร้าง Ethereum จริง ๆ ที่เป็นเรื่องง่ายและง่ายมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป” นอกจากเรื่องการเพิ่มขึ้นของความสามารถในการปรับขนาดแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ Buterin เน้นย้ำก็คือ เรื่องของความปลอดภัยและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เกิดขึ้นระหว่างการอัพเกรด เขาเปรียบเทียบการสร้างบล็อคเชนกับการพัฒนาเมือง เช่นเดียวกับที่ตำรวจและทหารทำงานกำลังปกป้องเมืองหรือประเทศชาติ ผู้ใช้บล็อคเชนก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยเฝ้าดูผู้โจมตี และเมื่อเมืองต่าง ๆ ขยายตัวหรือเพิ่มจำนวนบล็อกในเครือข่าย ความปลอดภัยก็จำเป็นที่ต้องมีมากขึ้นเช่นกัน ปัจจุบัน Ethereum
กดอ่านข่าว ‘เรามาเกินครึ่งทางแล้ว’ ผู้ก่อตั้ง Ethereum กล่าวถึงความคืบหน้าของการอัพเกรด ETH 2.0 ต่อที่ Siam Blockchain