Binance ได้ร่วมงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการช่วยเปิดโปง Fancycat อาชญากรไซเบอร์ที่ฉาวโฉ่ ซึ่งเป็นองค์กรที่อาชญากรรม Ransomware ที่มีมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ที่เป็นข่าวดังในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามองค์กรดังกล่าวเป็นที่หมายปองระดับประเทศโดยหน่วยงานตำรวจไซเบอร์จากยูเครน เกาหลี สหรัฐอเมริกา สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่ทำงานร่วมกับองค์การตำรวจสากล ซึ่งเคยถูกเข้าโจมตีใน 21 แห่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจากสมาชิกของกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์จำนวน 6 คน โดยในขณะนี้ถูกกล่าวหาว่าใช้ซอฟต์แวร์ที่ผิดกฎหมายและเป็นอันตรายอย่าง Ransomware ร่วมกับอาชญกรไซเบอร์อื่น ๆ ในปี 2019 ถึง 2021 ที่มุ่งเน้นเป้าหมายไปที่เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเกาหลีและมหาวิทยาลัยในอเมริกา ในบล็อกโพสที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานของ Binance กล่าวว่า การเป็นหุ้นส่วนอย่างต่อเนื่องของเรากับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนบริษัทด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์บล็อกเชนจะเป็นการผลักดันในการปรับปรุงมาตราการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในอุตสาหกรรม cryptocurrency ในวงกว้าง เมื่อคำนึงถึงปีที่ผ่านมาเว็บกระดานเทรดนี้ได้เพิ่มความสามารถในการตรวจจับและวิเคราะห์การฟอกเงินภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ผลร้ายแรงของ Ransomware การวิจัยแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมที่ผิดกฎหมายคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ในธุรกรรม cryptocurrency ทั้งหมด แต่สำหรับ ransomware ถือเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อความปลอดภัยออนไลน์ขององค์กรในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น Clop (หรือที่รู้จักในชื่อ Cl0p) หนึ่งในองค์กรแรนซัมแวร์ที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดได้เพิ่มกิจกรรมทางอาญชากรรมในปี 2564 ตามที่นักวิจัยอาชญากรรมไซเบอร์ได้วิเคราะห์ไว้ แรนซัมแวร์ถูกใช้เพื่อเปิดเผยบันทึกการรักษาพยาบาลและขัดขวางห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งปีที่แล้วในเยอรมนีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตเมื่อรถพยาบาลของเธอถูกโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดปฏิเสธการรักษา เนื่องจากแรนซัมแวร์ทำการโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้เสียหายซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ใช้เพื่อประสานงานการรักษาฉุกเฉิน ทั้งนี้ในการฟอกเงินและอาชญากรไซเบอร์มักจะหันไปหากระดานเทรดสกุลเงินดิจิตอล และผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (VASP) ซึ่งสร้างระบบคลาวด์ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ตามข้อมูลของ Binance การพัฒนานี้เกิดขึ้นหลังจาก Binance จัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติมในต้นปี 2020 สำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบวิธีที่อาชญากรฟอกเงินผ่าน “Bulletproof Exchangers” ซึ่งทำหน้าที่เป็นจุดแลกเงินสำหรับการดำเนินการสกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมทางการเงินและการฉ้อโกงอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะมีความรู้ในเรื่อง KYC และกฎ AML เป็นอย่างดี จากข้อมูลของ Binance “การวิเคราะห์บล็อกเชนแสดงให้เห็นเครือข่ายของผู้ฟอกเงินที่อาศัยอยู่ในกระดานเทรดรายใหญ่ซึ่งฝากและถอนเงินกันอย่างหนาแน่น” ข้อมูล Binance ที่วิเคราะห์ถูกนำมาโดย TRM Labs บริษัทสตาร์ทอัพด้านการวิเคราะห์บล็อกเชนซึ่งระบุว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ ซึ่งมักตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ไม่มีการบังคับใช้หรือข้อบังคับในคริปโทเคอร์เรนซี่ ดังนั้นปัญหาด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมคริปโตในปัจจุบันคือเงินที่เชื่อมต่อกับการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตซึ่งรวมถึงการฟอกเงินจากบัญชีอาชญากรรมนิรนามเข้าด้วยกัน Binance ยังคงให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Binance ร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศแต่เป็นความคิดริเริ่มการต่อต้านแรนซัมแวร์ในปี 2020 ซึ่งร่วมมือกับตำรวจไซเบอร์ของยูเครน และสามารถระบุกลุ่มอาชญากรไซเบอร์รายใหญ่ที่ฟอกเงินกว่า 42 ล้านดอลลาร์ได้
กดอ่านข่าว เรื่องราวของ Binance ที่ช่วยรัฐบาลตามล่าคนทำ Ransomware ที่สร้างความเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ต่อที่ Siam Blockchain