InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารสหรัฐ
ณ เวลา 19.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 104 จุด หรือ 0.31% สู่ระดับ 33,843 จุด
นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 83.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 16.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50%
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. รวมทั้งปรับลดอีก 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2550
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.00%
นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการยกเลิกประโยคที่เคยระบุในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า "คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าการคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมอาจมีความเหมาะสม" เพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
ราคาหุ้นแพคเวสต์ แบงคอร์ป (PacWest Bancorp) บริษัทแม่ของธนาคารแปซิฟิก เวสเทิร์น แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารประจำภูมิภาคของสหรัฐ พุ่งขึ้น 36% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารสหรัฐ
นอกจากนี้ ธนาคารประจำภูมิภาคแห่งอื่นๆดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดย Western Alliance Bancorp และ Comerica Inc พุ่งขึ้น 8% ขณะที่ Zions Bancorp และ Keycorp ปรับตัวขึ้น 4% ส่วน First Horizon Corp บวก 4% เช่นกัน
นายพอล เทย์เลอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแพคเวสต์ กล่าวยืนยันว่า ธนาคารยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ นายเทย์เลอร์ประกาศลดการจ่ายเงินปันผลสู่ระดับ 0.01 ดอลลาร์ต่อ 1 หุ้นสามัญ จากเดิมที่ระดับ 0.25 ดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยทำให้อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) เพิ่มขึ้นมากกว่า 10%
"เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ความผันผวนของภาคธนาคาร และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านทุน เรามองว่าการปรับลดการจ่ายเงินปันผลถือเป็นมาตรการเหมาะสมต่อแผนของเราในการเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ขึ้นมากกว่า 10% ขณะที่ธุรกิจของเรายังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเราจะยังคงยึดมั่นรูปแบบธนาคารที่มีความสัมพันธ์ในระดับชุมชนต่อไป" แถลงการณ์ระบุนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพุธและพฤหัสบดีตามลำดับ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด