Investing.com - ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในเอเชียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก่อนหน้าการประมาณการอุตสาหกรรมของ American Petroleum Institute (API) ในผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นและน้ำมันดิบในสหรัฐฯ
สำหรับสัญญาการซื้อขายน้ำมันดิบ New York Mercantile Exchange สำหรับการส่งมอบในเดือนตุลาคมลดลง 0.04% มาอยู่ที่ 50.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ตลาด Intercontinental Exchange ของกรุงลอนดอน Brent ลดลง 0.18% มาอยู่ที่ 55.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการผลิตน้ำมันดิบ 2.925 ล้านบาร์เรลและการลดลงของน้ำมันเบนซิน 2.025 ล้านบาร์เรล และการกลั่นลดลง 1.175 ล้านบาร์เรล ซึ่งในวันพุธนี้นี้จะมีการประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก Energy Information Administration (EIA) ซึ่งตัวเลขจาก API และตัวเลขจาก EIA มักแตกต่างกัน
คืนวานนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์เนื่องจากนักลงทุนได้ปรับลดคาดการณ์ว่า คงคลังน้ำมันดิบสหรัฐฯจะได้รับการกำหนดในสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน หลังจากผลของพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์และเออร์ม่า
แม้ว่าโรงกลั่นของสหรัฐฯจะฟื้นตัวดีขึ้นจากพายุเฮอริเคนที่ผ่านมา แต่นักลงทุนเตรียมรอคงคลังน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในขณะที่สหรัฐฯสั่งให้นำเข้าน้ำมันดิบเพื่อชดเชยการขาดแคลนการผลิตภายในประเทศอันเนื่องมาจากพายุฮาร์วีย์
การคาดการณ์ว่าการพุ่งขึ้นของคงคลังน้ำมันดิบในตลาดเกิดขึ้นท่ามกลางความเชื่อมั่นในราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามรายงานจากองค์การเพื่อการส่งออกปิโตรเลียม (Opec) และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทอม พิว นักเศรษฐศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Capital Economics กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าอย่างน้อยที่สุดส่วนหนึ่งของการพุ่งขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เป็นเพราะอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้น หน่วยงานหลักๆทุกแห่งได้ปรับประมาณการของพวกเขาสำหรับความต้องการในปีนี้ขึ้น"
คาดว่า Opec จะมีการเจรจาต่อสัญญาเพื่อขยายข้อตกลงการลดการผลิต ภายในเดือนมีนาคม2018 เพื่อแก้ไขปัญหาการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไนจีเรียและลิเบีย ซึ่งทั้งสองประเทศได้ไม่ได้เข้าร่วมข้อตกลงการลดการผลิต
ในเดือนพฤษภาคม Opec และสมาชิกที่ไม่ใช่กลุ่ม Opec ตกลงที่จะขยายการลดการผลิตที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นระยะเวลาเก้าเดือนจนถึงเดือนมีนาคม 2018