โดย Ambar Warrick
Investing.com-- ราคาน้ำมันขยับตัวต่ำลง หลังจากที่มีการปรับขึ้นอย่างก้าวกระโดดในวันอังคาร เนื่องจากผู้ค้ารอรายละเอียดเพิ่มเติมจากสมาชิก OPEC+ เกี่ยวกับขนาดสัญญาณการลดอุปทานของพวกเขา
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ที่ซื้อขายในลอนดอนไม่เปลี่ยนแปลงที่ 102.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.2% สู่ 96.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเวลา 20:16 น. ET (00:16 GMT)
น้ำมันทั้งสองสัญญาปรับตัวขึ้นเกือบ 4% ในวันจันทร์ เนื่องจากผู้ค้าเดิมพันว่าองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) จะลดการผลิตเพื่อชดเชยการลดลงของน้ำมันดิบ
ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งสัญญาณเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จุดชนวนให้เกิดการแรลลี่ครั้งล่าสุดของน้ำมันดิบ
แต่ขณะนี้ผู้ค้ากำลังรอรายละเอียดเพิ่มเติมว่ากลุ่ม OPEC+ จะดำเนินการขั้นตอนดังกล่าวอย่างไร เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กรผลิตได้ต่ำกว่าโควตารายวัน กลุ่มพันธมิตรมีกำหนด ประชุมกันในวันที่ 5 กันยายน ซึ่งน่าจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดตามแผน
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างมากตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วจากความคาดหวังว่าตลาดจะยังคงตึงตัวจากการลดอุปทาน ความคาดหวังว่าการขาดแคลนก๊าซในยุโรปจะกระตุ้นอุปสงค์สำหรับ น้ำมันทำความร้อน ได้หนุนราคาด้วยเช่นกัน
แต่ข้อมูลล่าสุดจาก Gas Infrastructure Europe แสดงให้เห็นว่ากลุ่มกำลังเติมก๊าซคงคลัง ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาอุปสงค์ฤดูหนาวได้ดีขึ้นและยุติอุปทานของรัสเซีย
กลุ่มตั้งใจที่จะเติมสินค้าคงคลัง 80% ภายในวันที่ 1 พ.ย. ณ วันอาทิตย์ มีจำนวนเต็ม 79.94% ของสินค้าคงคลัง
ซึ่งอาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันในยุโรปต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยในฤดูหนาว ก๊าซธรรมชาติ ร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์
แต่กลุ่มบริษัทยังคงดิ้นรนเพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน โดยราคาปั๊มใกล้จะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สหรัฐฯ ดึงน้ำมันคงคลังอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งน้ำมันไปยังกลุ่มประเทศและตอบสนองความต้องการ
ข้อมูลสินค้าคงคลังจาก American Petroleum Institute ซึ่งกำหนดเผยวันนี้มีแนวโน้มที่จะให้ความกระจ่างมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มนี้
ผู้นำยุโรปยังมีกำหนดจะประชุมกันในเดือนกันยายนเพื่อวางแผนการปฏิรูปพลังงานที่มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในกลุ่มประเทศ