โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันขึ้นในเช้าวันอังคารในตลาดเอเชีย หลังจากเริ่มต้นสัปดาห์ที่ไม่ค่อยดีนัก นักลงทุนต่างชั่งน้ำหนักต่อการเปิดเผยข้อมูลน้ำมันดิบคงคลังระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ จากการหยุดชะงักของอุปทานเนื่องจากการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นหลังจากรัสเซียบุกยูเครนในช่วงสัปดาห์ก่อน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.80% สู่ 98.75 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 22:58 น. ET (3:58 น. GMT) หลังจากพลิกผันไปสู่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ประจำเดือนพ.ค.ในวันที่ 28 ก.พ. {{8849|สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบWTI} } เพิ่มขึ้น 0.83% ไปที่ 96.51 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 99.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันก่อนหน้าและปรับขึ้นมากกว่า 4%
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับตลาดที่ตึงตัวขึ้น เนื่องจากบริษัทน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง BP PLC และ Shell PLC ประกาศแผนการที่จะออกจากการดำเนินงานและการร่วมทุนกับรัสเซีย การคว่ำบาตรต่อรัสเซียจากชาติตะวันตกนั่นหมายความว่าผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียต้องเจอกับปัญหาการชำระเงินและการขนส่ง
การนำน้ำมันดิบคงคลังออกมาโดยความร่วมมือของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรเพื่อลดการหยุดชะงักของอุปทานช่วยให้ตลาดสงบลงบ้าง
นักวิเคราะห์จาก ธนาคาร Commonwealth ออสเตรเลีย (OTC:CMWAY) ระบุในหมายเหตุว่า การนำน้ำมันออกมาจากคลังดังกล่าวอาจอยู่ที่ใดก็ได้ระหว่าง 60 ถึง 70 ล้านบาร์เรล และ "มีแนวโน้มว่าอาจจะควบคุมราคาราคาน้ำมันสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้"
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) จะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีวิสามัญในวันรุ่งขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีที่สมาชิกจะช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน เพราะรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก
ในขณะเดียวกัน องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตร (OPEC+) จะประชุมกันในวันพุธ และคาดว่าจะรักษาอุปทานที่เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งรัสเซียก็เป็นหนึ่งในสมาชิก OPEC+
นักลงทุนยังรอ ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา ซึ่งจะส่งมอบในช่วงท้ายของวันนี้