โดย Barani Krishnan
Investing.com - ภาพรวมของตลาดพลังงานและโลหะมีค่าในสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
ภาพรวมตลาดพลังงาน
เนื่องจากประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ได้ให้คำมั่นไว้ว่าจะหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จึงทำให้วันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้ส่งมอบขาขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
คำพูดของนายเพาเวลล์เมื่อวันศุกร์ ณ กรุงซูริคที่ระบุว่า เขาไม่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ถือเป็นแรงหนุนที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นและลามมายังตลาดน้ำมันด้วย
ของสหรัฐฯ ปิดอยู่ที่ $56.52 ต่อบาร์เรล แบะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาได้พุ่งขึ้นมาถึง 2.6% นับเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
ทะลุระดับสำคัญที่ $60 อยู่ที่ $61.47 ต่อบาร์เรล
ในเดือนสิงหาคมมีความผันผวนอย่างหนัก โดยความเคลื่อนไหวรายวันที่อัตรา 2% ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจนเป็นปกติเลยทีเดียว
ธนาคาร UBS ของสวิสระบุไว้ในสัปดาห์ที่แล้วว่า ภาพรวมอุปสงค์น้ำมันที่แย่ลงอาจกดดันให้ราคา ดิ่งลงไปต่ำสุดถึง $55 ก็เป็นได้
ทางด้านธนาคาร Commerzbank (DE:) ที่เยอรมนีก็ได้ลดตัวเลขคาดการณ์ ลงไป $5 ต่อบาร์เรล เหลือเพียงราคาเฉลี่ยที่ $60 ไปจนถึงสิ้นปี 2020
Scott Shelton โบรกเกอร์ซื้อขายสินค้าพลังงานล่วงหน้าจาก ICAP (LON:) ระบุไว้ในอีเมลที่ส่งมายัง Investing.com ว่า สัญญา WTI "น่าจะ 'ยืนอยู่ที่' $55 และ น่าจะอยู่ที่ $59”
ปฏิทินตลาดพลังงานสัปดาห์นี้
วันจันทร์ที่ 9 กันยายน
ตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก Genscape Cushing (ตัวเลขจากภาคเอกชน)
วันอังคารที่ 10 กันยายน
รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังรายสัปดาห์จาก
วันพุธที่ 11 กันยายน
จาก EIA
วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน
จาก EIA
การประชุมโอเปก
วันศุกร์ที่ 13 กันยายน
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันจาก {{ecl-1652||Baker Hughes}}
ภาพรวมตลาดโลหะมีค่า
เมื่อวันศุกร์ทองคำปิดสัปดาห์ในแดนลบ และขยับเข้าใกล้แนวรับสำคัญที่ $1,500 หลังจากประธานเฟดเผยมุมมองที่แลดูไม่มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ $1,507 ต่อออนซ์ ปรับลงมา 0.9% หลังจากประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ เน้นย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเติบโตต่อไปอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อวันพฤหัสบดีทองคำก็ได้ดิ่งลงมาถึง 2.2% ถือเป็นขาลงที่ย่ำแย่ที่สุดในปี 2019
สำหรับการส่งมอบในเดือนธันวาคม ปิดตัวที่ $1,515.50 ต่อออนซ์ ในตลาดโคเม็กซ์ของนิวยอร์ค เมอร์แคนไทล์ เอ็กซ์เชนจ์ ปรับลงมา 0.9% โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาราคาทองคำได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบนานกว่าหกปีที่ $1,566.15 ก่อนที่จะดิ่งลงมาถึง 2.2% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นขาลงที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม
เนื่องด้วยขาลงของวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ทำให้ ปิดลบเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
คำมั่นของนายเพาเวลล์ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างแน่นอน ถือเป็นแรงหนุนสำคัญให้แก่ราคาทองคำในปีนี้ แม้ว่านายเพาเวลล์ยังให้ความหวังว่าอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ด้วยการกล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ พร้อมที่จะ "ดำเนินการตามความเหมาะสม" เพื่อเกื้อหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นายเพาเวลล์ได้ให้คำกล่าวเอาไว้ก่อนการประชุมนโยบายทางการเงินเป็นเวลาสองวัน ระหว่างวันที่ 17-18 กันยายนนี้
แม้เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 25 จุดเมื่อเดือนสิงหาคม แต่ตลาดก็ยังคาดหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกเช่นเดิมในเดือนนี้ให้อยู่ระหว่าง 1.75% ถึง 2% โดย ของ Investing.com ชี้ว่า ตลาดเชื่อว่ามีโอกาสถึง 92% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุด
หากเป็นเช่นนั้นจริง แนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำจะหวนกลับคืนมา และอาจทะยานขึ้นไปเหนือระดับ $1,600 เลยก็เป็นได้ แต่หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิม แนวรับที่ระดับ $1,500 อาจรับไว้ได้อีกไม่นานนัก