Investing.com - ราคาน้ำมันขยับเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากตลาดยังคงซบเซาตามสัญญาณความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของผู้นำเข้าชั้นนำอย่างจีน และยังต้องระมัดระวังก่อนการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญจากสหรัฐฯ และอินเดีย
ข้อมูลในช่วงสุดสัปดาห์แสดงให้เห็นว่าจีน เริ่มเข้าสู้ภาวะเงินฝึด ในเดือนพฤศจิกายน ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ รายงานเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการนำเข้าน้ำมันของจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเติบโตที่ชะลอตัวขณะนี้กำลังบั่นทอนความต้องการน้ำมันดิบของประเทศ
ราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนตามข้อมูลการนำเข้าของจีน ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการดิ่งลงที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 ปี แต่ราคาได้มีการแข็งค่าขึ้นในสัปดาห์นี้ท่ามกลางการซื้อต่อรองราคา ในขณะที่นักลงทุนยังได้รับการสนับสนุนจากแผนการของสหรัฐฯ ที่จะซื้อน้ำมันเพิ่มเพื่อเติมน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ทรงตัวที่ 76.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 71.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 20:04 ET (01:04 GMT)
จับตารายงานอัตราเงินเฟ้อก่อนรายงานธนาคารกลางโบนันซ่า
ขณะนี้ตลาดกำลังรอรายงานอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญจากสหรัฐฯ และอินเดีย ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันนี้
ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ จะลดลงเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน และยังคงคาดว่าจะยังคงอยู่เหนือเป้าหมายประจำปีที่ 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ
รายงานดังกล่าวเกิดขึ้นหนึ่งวันก่อน การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย จากธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้
แต่รายงานอัตราเงินเฟ้อในวันนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยต่อแนวทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2024 ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ว่าธนาคารกลางจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหรือไม่
ความกลัวเกียวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นเวลานานถือเป็นแรงกดดันสำคัญต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักลงทุนกลัวว่าสภาวะทางเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดจะลดทอนความต้องการเชื้อเพลิง ขณะนี้ความต้องการเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ ลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าการลดลงจะเกิดจากฤดูหนาวก็ตาม
อัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค ของอินเดียก็จะมีการเปิดเผยในวันนี้เช่นกัน และเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ธนาคารกลางอินเดียเตือนถึงอัตราเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากราคาอาหารมีการเพิ่มสูงขึ้น
แต่แนวโน้มราคาน้ำมันในระยะสั้นยังคงซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาวะการเงินโลกยังคงจำกัด และการลดกำลังการผลิตอย่างมากจากองค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ยังส่งผลให้ตลาดในช่วงต้นปี 2024 ตึงตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก
นอกเหนือจากเฟดแล้ว การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยจาก ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ และ ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ ก็จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยทั้งสามธนาคารจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสูงที่ขึ้นให้นานขึ้น